Grab ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแบบ Online to Offline ซึ่งมีบริการหลักอย่าง Ride-Hailing เปิดตัวเทคโนโลยี Safer Everyday เพื่อมุ่งเน้นยกระดับความปลอดภัยทั้งแก่ผู้ใช้และผู้ให้บริการในแพลตฟอร์ม หลังจากการเติบโตและขยายตัวครอบคลุมบริการกว่า 235 เมือง ใน 8 ประเทศ และให้บริการการเดินทางไปแล้วกว่า 2,500 ล้านเที่ยว ในประเทศไทยเองปัจจุบัน Grab ก็ให้บริการอยู่ 16 จังหวัด
นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ Grab ประเทศไทย กล่าวว่า “เราเชื่อว่าความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นสิ่งที่คนไทยให้ความสำคัญ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงสุดเป็นอันดับสองของโลก และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 24,000 คนในแต่ละปี ปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนนจึงเป็นสิ่งที่ Grab ให้ความใส่ใจ และต้องการเข้ามาช่วยเหลือในการแก้ไข”
จากการมีบริการในส่วนของศูนย์คอลเซ็นเตอร์ 24 ชั่วโมง ฟีเจอร์ปกปิดเบอร์มือถือผู้ใช้ และการตรวจสอบประวัติผู้ขับขี่ไปจนถึงระบบการยืนยันแอคเคาท์ผู้ใช้ เหล่านี้คือส่วนของการบริการด้านความปลอดภัยที่ทำให้ Grab สามารถลดจำนวนเหตุไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มได้ 40% นับจากไตรมาสสามในปี 2560
"ธุรกิจของเราเริ่มต้นจากความพยายามที่จะมอบการเดินทางที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน"
เทคโนโลยี Safer Everyday คือเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะมาช่วยพัฒนาระบบความปลอดภัยในแพลตฟอร์มของ Grab โดยที่จะคำนึงทั้งความปลอดภัยของผู้ใช้ซึ่งเป็นลูกค้า และพาร์ทเนอร์ของ Grab ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับในบริการเรียกรถ พาร์ทเนอร์ในบริการอื่นๆ ไปจนถึงทุกการทำธุรกรรมจับจ่ายบน Grab ซึ่งฟีเจอร์ต่างๆ ที่จะเข้ามาเสริมมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ของ Grab ได้แก่
นอกจากนี้ก็ยังมีระบบเพื่อความปลอดภัยอีกหลายอย่างที่ Grab ได้ทำมาก่อนหน้านี้แล้วและจะพัฒนาต่อไป ระบบความปลอดภัยเหล่านี้จะทำงานอยู่ทั้งในส่วนของ IN-APP และในส่วนของหลังบ้าน เช่นประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลแก่ผู้โดยสารและคนขับ การอบรมการขับขี่เชิงป้องกันอุบัติเหตุแก่คนขับ หรือระบบปกปิดเบอร์มือถือเพื่อปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
โครงการ UNiTE โดยเลขาธิการสหประชาชาติ คือโครงการที่มีเป้าหมายเรียกร้องให้รัฐบาล ประชาสังคม องค์กรเพื่อสตรี เยาวชน เอกชน สื่อมวลชน และเครือข่ายสหประชาชาติ ร่วมมือกันป้องกันและต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กทั่วโลก โดยในประเทศไทย Grab จะร่วมสนับสนุนโครงการด้วยการดำเนินการรณรงค์ความปลอดภัยผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้เกี่ยวกับความปลอดภัย การจัดทำป้ายข้อมูลรณรงค์ความปลอดภัยในรถ การทำคอนเทนท์ให้ความรู้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ และช่องทางอื่นๆ เพื่อเป็นการสร้างความรับรู้เกี่ยวกับความสำคัญของความปลอดภัยของผู้หญิงและผู้เดินทางทั่วไป
โดยนายธรินทร์ ยังพูดถึงถึงวิสัยทัศน์ของ Grab ที่ตั้งใจจะลดจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในแพลตฟอร์มของ Grab ให้เหลือเป็นศูนย์ให้ได้ ซึ่งในการของพัฒนาระบบความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่ทาง Grab ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกควบคู่ไปกับการเติบโตและการขยายธุรกิจ และยังกล่าวสรุปทิ้งท้ายไว้อีกว่า
“ย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ผู้คนยังต้องต่อรองค่าโดยสารเวลาใช้บริการแท็กซี่หรือบริการมอเตอร์ไซค์ แล้วก็ไม่รู้ว่าคนขับเป็นใคร แต่ก็จำเป็นต้องฝากชีวิตไว้กับคนแปลกหน้า แต่วันนี้ พวกเขารู้ได้ทันทีว่าผู้ขับขี่ที่มารับเป็นใคร ใครมาส่งเอกสารและนำอาหารมาให้ แถมรู้ค่าโดยสารก่อนที่จะขึ้นรถเสียอีก ที่สำคัญ คนที่ห่วงใยของพวกเขาก็สามารถติดตามเส้นทางที่พวกเขาไปได้ตลอดการเดินทาง จวบจนวันนี้ Grab จะยังคงก้าวต่อไปไม่หยุดยั้ง เราตระหนักดีว่ายิ่งธุรกิจของเราขยายและเติบโตเท่าไหร่ ภาระและหน้าที่ของเราในการมอบความปลอดภัยในทุการเดินทางของพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และทุกคนที่พวกเขารัก ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด