ฮอนด้า-นิสสัน-มิตซูบิชิ จ่อควบรวมกิจการ ท้าชนตลาด EV ตั้งเป้าเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 3 ของโลก | Techsauce

ฮอนด้า-นิสสัน-มิตซูบิชิ จ่อควบรวมกิจการ ท้าชนตลาด EV ตั้งเป้าเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 3 ของโลก

ในยุคที่อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ สามบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่นอย่างฮอนด้า นิสสัน และมิตซูบิชิ ได้ประกาศยืนยันว่ากำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อควบรวมกิจการ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อรับมือกับยอดขายที่ลดลงและการแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ฮอนด้า-นิสสัน-มิตซูบิชิ  จ่อควบรวมกิจการ ท้าชนตลาด EV  ตั้งเป้าเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 3 ของโลก

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวกันของยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์ญี่ปุ่น โดยฮอนด้าและนิสสันได้ตกลงที่จะ "เริ่มพิจารณาการรวมธุรกิจผ่านการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งร่วมกัน" ส่วนมิตซูบิชิจะตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ การรวมกิจการครั้งนี้จะเป็นการรวมตัวของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของญี่ปุ่น รวมถึงมิตซูบิชิ ซึ่งเป็นการผนึกกำลังเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมที่กำลังมุ่งหน้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า

หากการรวมกิจการสำเร็จ จะทำให้เกิดผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ด้วยยอดขายรวมต่อปีประมาณ 46,000 ล้านปอนด์ เป็นรองเพียงโตโยต้าและโฟล์กสวาเกนเท่านั้น ในขณะที่โตโยต้ายังคงรักษาฐานะทางการเงินไว้ได้ค่อนข้างดีเนื่องจากความได้เปรียบในตลาดยานยนต์ไฮบริด แต่ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ของญี่ปุ่นกลับต้องเผชิญกับความยากลำบากในการระดมทุนเพื่อลงทุนในการเปลี่ยนผ่านจาก Internal Combustion Engine ไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า

ในขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรถยนต์จากจีน เช่น BYD และ SAIC ก็กำลังรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างหนักเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดโลก และยังมีการรายงานว่า Foxconn ผู้ผลิต iPhone ได้เริ่มพูดคุยกับทั้งฮอนด้าและนิสสัน ทำให้การเจรจาควบรวมกิจการต้องเร่งขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฮอนด้าซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงถึง 6.74 ล้านล้านเยน (34,000 ล้านปอนด์) มียอดขาย 3.8 ล้านคันในปี 2023 ในขณะที่นิสสันซึ่งมีมูลค่าตลาดเพียง 1.67 ล้านล้านเยน ขายได้ 3 ล้านคัน และมิตซูบิชิที่ 717,000 ล้านเยน ขายได้ 700,000 คัน การควบรวมกิจการครั้งนี้จึงมีความสำคัญต่อการอยู่รอดของทั้งสามบริษัท

อย่างไรก็ตาม การรวมกิจการครั้งนี้ไม่ได้ไร้ซึ่งข้อกังวล โดยคาร์ลอส กอส์น อดีตซีอีโอของนิสสันที่ปัจจุบันลี้ภัยอยู่ในเลบานอน ได้ออกมากล่าวว่าแผนการรวมกิจการครั้งนี้ “ไม่สมเหตุสมผล” และไม่น่าจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากฮอนด้าและนิสสันมีความคล้ายคลึงกันมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน

แม้จะมีข้อกังวลดังกล่าว แต่ทั้งสามบริษัทยืนยันว่าการเจรจานี้มีความจำเป็นเพื่อตอบสนองต่อ “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสภาพแวดล้อมของทั้งสองบริษัทและอุตสาหกรรมยานยนต์” โทชิฮิโระ มิเบะ ซีอีโอของฮอนด้า กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ในอุตสาหกรรมเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบ 100 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าการเปลี่ยนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีความสำคัญเทียบเท่ากับการเริ่มต้นของการขายรถยนต์ในตลาดจำนวนมาก

มิเบะกล่าวว่าฮอนด้าและนิสสันจะ “ชี้แจงความเป็นไปได้ของการรวมธุรกิจภายในสิ้นเดือนมกราคมโดยสอดคล้องกับการพิจารณาของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส” ส่วนมาโคโตะ อุจิดะ ซีอีโอของนิสสัน กล่าวว่า “ฮอนด้าและนิสสันได้เริ่มพิจารณาการรวมธุรกิจ และจะศึกษาการสร้างความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่างทั้งสองบริษัทในหลากหลายด้าน”

การรวมกิจการครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์โลกอย่างไร และจะสามารถช่วยให้ทั้งสามบริษัทเอาชนะความท้าทายที่กำลังเผชิญอยู่ได้หรือไม่

อ้างอิง: theguardian

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

โตโยต้าครองแชมป์! ขายดีที่สุด 5 ปีซ้อน ด้วยยอดขาย 10.8 ล้านคันในปี 2024

โตโยต้า ยังคงเป็นผู้นำตลาดยานยนต์โลก ด้วยยอดขายทั่วโลกในปี 2024 ที่แตะ 10.8 ล้านคัน ครองตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ขายดีที่สุดเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน...

Responsive image

BOI ลงุทน 1.7 แสนล้าน ปูทางเศรษฐกิจใหม่ โครงการใหญ่ AI - Data Center - SAF

BOI อนุมัติลงทุน 1.7 แสนล้าน! ดึง TikTok - Siam AI ปักฐานดิจิทัล & AI ในไทย พร้อมผลักดัน 5 ยุทธศาสตร์ใหญ่ เสริมอุตสาหกรรมชีวภาพ-เชื้อเพลิง SAF เร่งไทยขึ้นแท่น Digital Hub ระดับโลก...

Responsive image

TikTok เตรียมลงทุนในไทยกว่าแสนล้านบาท ! สร้าง Data Hosting ในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา

หลังจากที่บิ๊กเทคฯ ตบเท้าเข้ามาลงทุนในไทยทั้ง Google, Microsoft ไปจนถึง AWS ล่าสุดเป็นคิวของแพลตฟอร์มคลิปสั้นยอดนิยมอย่าง TikTok ที่เตรียมเข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วยงบการลงทุนกว่าแส...