Silicon Valley จะเป็นอย่างไร ในสมัยของ Donald Trump ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่

ผ่านมา 3 วันแล้วกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาฯ ซึ่งผลการเลือกตั้งก็อย่างที่ทุกคนทราบกันดี คือนาย Donald Trump เป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งและได้เป็นว่าที่ผู้นำคนที่ 45 ของอเมริกา หลายคนสงสัยถึงกระแสในวงการสตาร์ทอัพเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ โดยเฉพาะในซิลิคอนวัลเลย์ แหล่งเทคโนโลยีของอเมริกา ซึ่งกระแสก็ถือว่าไม่สู้ดีนัก โดยวันนี้เราได้นำการวิเคราะห์ของ Gregory Autry ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่ง USC’s Marshall School of Business ว่านโยบายของทรัมป์น่าจะมีผลต่อบริษัทเทคโนโลยีในซิลิคอนวัลเลย์อย่างไรบ้าง

us-election

ต้นทุนการผลิตของบริษัทที่เน้นด้านฮาร์ดแวร์อาจสูงขึ้น

ด้วยนโยบายการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าจากประเทศอื่นของทรัมป์ โดยเฉพาะประเทศจีน และย้ายฐานการผลิตกลับมาที่สหรัฐฯ คงจะไม่ส่งผลดีต่อซิลิคอนวัลเลย์ซึ่งเป็นแหล่งบริษัทเทคโนโลยีในอเมริกาที่ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาโซ่อุปทานหรือ Supply chain ของโลกเท่าไหร่นัก อย่างเช่น บริษัทที่เน้นผลิตฮาร์ดแวร์ต่างๆ อาจต้องคิดหนักและวางแผนปรับเปลี่ยนเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้

ผลกระทบด้านวีซ่าของบุคลากรชาวต่างชาติในซิลิคอนวัลเลย์จากนโยบายจำกัดคนเข้าเมือง

นอกเหนือจากกำแพงภาษีที่น่าจะทำให้โปรดักต์ด้านเทคโนโลยีราคาสูงขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะบังคับให้ฐานการผลิตทั้งหมดกลับมาอยู่ที่สหรัฐฯ ยังมีผลกระทบใหญ่ๆ อีกอันหนึ่งก็คือนโยบายเรื่องการเข้าเมืองของทรัมป์นั่นเอง

ในขณะที่ซิลิคอนวัลเลย์สนับสนุนและต่อวีซ่าทำงานประเภท H-1B ให้กับผู้มีความสามารถจากต่างประเทศให้ได้เข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในอเมริกา รวมถึงช่วยเหลือในการขอกรีนการ์ดเพื่อรองรับความต้องการบุคลากรที่มีทักษะสูงของซิลิคอนวัลเลย์ แต่ว่าที่ประธานาธิบดีคนนี้อาจจะตัดโปรแกรมนี้ออกไป ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในการนำเข้าพนักงานสำหรับบริษัทเทคโนโลยี

ธุรกิจพลังงานทดแทนอาจได้รับผลกระทบ

ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ผลิตสายเทคโนโลยีเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารงานที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตของรัฐบาลทรัมป์ ตลาดพลังงานทดแทนในสหรัฐฯ เองก็เช่นกัน

จากนโยบายที่ไม่สนับสนุนการลงทุนในพลังงานทดแทนนี้ มีรายงานของบริษัทวิเคราะห์ด้านพลังงาน S&P Global Platts ยกตัวอย่างให้เห็นถึงผลกระทบว่า หากเงินลดหย่อนภาษี (Investment Tax Credit) ถูกตัดเหลือ 10% จากปัจจุบัน 30% แล้ว อาจจะส่งผลให้ความต้อง (Demand) ในการติดตั้งเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ลดลงถึง 60% เป็นต้น

ยังไม่มีนโยบายจริงจังเพื่อรับมือ Cybersecurity 

Cybersecurity คือการรักษาความปลอดภัยของโลกไซเบอร์ ซึ่งที่ผ่านมา ตั้งแต่ข่าวเกม Sony โดนแฮ็คเมื่อปี 2014 มาจนถึงการโจมตีด้วย DDos ล่าสุดเมื่อเดือนก่อนซึ่งทำให้อินเทอร์เน็ตของสหรัฐฯ บางส่วนถูกตัดขาด รวมถึงประเด็นเรื่องความปลอดภัยของระบบอีเมลที่เป็นที่ถกเถียงอย่างหนักระหว่างการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่เมื่อมองแผนนโยบายของทรัมป์ต่อ Cybersecurity ดู กลับยังไม่มีแผนรับมือที่ชัดเจนเท่าที่ควร

สำหรับบริษัทในซิลิคอนวัลเลย์ การป้องกันระบบเครือข่ายอาจจะถือเป็นเรื่องวิกฤตที่สุดที่ต้องจัดการ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเครือข่ายเหล่านั้นเป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลายในซิลิคอนวัลเลย์ซึ่งติดอันดับ Top 10 ของบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในเศรษฐกิจโลก ดังนั้นแผนยุทธศาสตร์ของผู้นำที่ยังไม่มีทีท่าจะจริงจังนี้ จึงอาจส่งผลโดยตรง

ตลาดขายหุ้น IPO ของสตาร์ทอัพอาจชะงัก และผู้นำยังมีแนวโน้มคัดค้านการควบรวมกิจการ (M&A) บริษัทใหญ่ๆ

ในช่วงนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังเริ่มเสื่อมถอย สตาร์ทอัพและบริษัททั้งในประเทศและทั่วโลกอาจกังวลถึงความไม่แน่นอนด้านกฎข้อบังคับต่างๆ ที่จะออกมาใหม่ และยังคงไม่มั่นใจในแนวทางของทรัมป์ (ที่อาจจะสวมบทบาทฮีโร่ผู้ได้รับคะแนนนิยมอย่างสูง หรือ มหาเศรษฐีในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้รับความไว้ใจเท่าไรนัก)  ซึ่งอาจะส่งผลให้ตลาดขายหุ้น IPO หยุดชะงักชั่วคราว

ไม่เพียงแค่นั้น ในช่วงหาเสียง ทรัมป์ยังออกมาคัดค้านการควบรวมกิจการของบริษัทใหญ่ๆ อย่างการที่ AT&T เข้าซื้อ Time Warner ในช่วงตุลาคม ว่านี่คือตัวอย่างของโครงสร้างอำนาจซึ่งอาจจะไม่ได้รับการอนุมัติในสมัยของตน เพราะเห็นว่าเป็นการรวบรวมอำนาจมหาศาลไปอยู่ในมือคนเพียงไม่กี่คน

นี่ยังไม่รวมถึงกระแสต่างๆ ที่ในวงการไอทีที่มองว่านโยบายด้านเทคโนโลยีของทรัมป์อาจเป็นหายนะของการพัฒนาด้านนวัตกรรม อย่างไรก็ตาม ผู้วิเคราะห์ยังเล็งเห็นว่าผลดีจากนโยบายบางอย่าง เช่น การลดภาษีนิติบุคคล น่าจะส่งผลดีต่อบริษัทต่างๆ และความต้องการที่จะกลับมาลงทุนกับการเติบโตของงานในประเทศที่น่าจะเพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายแล้ว นโยบายที่แท้จริงของทรัมป์จะออกมาเป็นอย่างไร ก็คงเป็นเรื่องของอนาคตที่ทุกวงการต้องจับตาดูกันต่อไป...

เรียบเรียงจาก Techcrunch

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ซีอีโอ AWS ชี้ AI Agents จะเปลี่ยนโลกยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต เราอาจได้เห็น AI Agent พันล้านตัวรันองค์กร

AWS ซีอีโอประกาศชัด AI Agents จะสร้างผลกระทบต่อโลกธุรกิจยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตและ Cloud พร้อมเปิดยุคที่ ‘AI Agent พันล้านตัว’ ทำงานอัตโนมัติอยู่หลังองค์กรทั่วโลก เร่งผลตอบแทนทางธุรกิ...

Responsive image

วิกฤตสมองไหลใน Apple ไม่จบ ! ล่าสุด Meta ดึงตัว Alan Dye หัวหน้าทีมดีไซน์ Apple ผู้คุมออกแบบ Liquid Glass ใน iOS26

เจาะลึกสมองไหลใน Apple ปี 2025 เมื่อผู้เชี่ยวชาญ AI หลายคนย้ายไป Meta, OpenAI และ Cohere ส่งผลต่ออนาคต Apple Intelligence...

Responsive image

เจาะแผน 'Quick Win' รัฐ-เอกชน ผนึกกำลังดันครีเอเตอร์ไทยสู่อาชีพมั่นคง

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยน เมื่อเรากลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลกที่ 'ยอดผู้ใช้งาน TikTok แซงหน้า YouTube' อย่างชัดเจน ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขอ...