เผยเบื้องลึกการจับกุม CFO ของ Huawei ในแคนาดา ชี้เกมอำนาจ จีน-สหรัฐฯ

มีการเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้แจ้งต่อ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา หรือโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้ทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับแผนการให้เจ้าหน้าที่แคนาดาจับกุมตัวนางสาวเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน ของ Huawei ณ ท่าอากาศยานนานาชาติแวนคูเวอร์ เมื่อปีที่ผ่านมา


ภาพจาก CNN.com
ข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยโดยหนังสือพิมพ์ The Globe and Mail ของแคนาดา ซึ่งปรากฏว่าขัดแย้งกับสิ่งที่นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด เคยบอกกับชาวแคนาดา หลังนางสาวเมิ่งถูกจับกุมได้ไม่นานว่า แคนาดาได้รับแจ้งจากสหรัฐฯ ล่วงหน้าไม่กี่วันเกี่ยวกับปฏิบัติการจับกุมดังกล่าว

แม้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ในรายงานระบุว่าจอห์น โบลตัน (John Bolton) อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการผลักดันให้จับกุมนางสาวเมิ่ง โดยเขาทราบล่วงหน้าว่าจะมีการจับกุมนางสาวเมิ่งในวันนั้น

ด้านที่ปรึกษาของทรูโดกล่าวว่า โบลตันและเจ้าหน้าที่คนอื่นในรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ทราบดีถึงนัยยะสำคัญของการจับกุมที่พวกเขาขอให้เจ้าหน้าที่แคนาดาลงมือ ที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติระดับอาวุโสระบุว่า พวกเขาแนะนำให้สหรัฐฯ เลือกแคนาดาเป็นผู้ลงมือจับกุมนางสาวเมิ่ง เพราะพวกเขาเชื่อว่ากระทรวงยุติธรรมของแคนาดาและตำรวจแคนาดา (RCMP) จะตอบรับคำร้องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

เดวิด แมคนอห์ตัน (David MacNaughton) อดีตเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำวอชิงตัน เผยว่าไม่เคยมีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่แคนาดาและสหรัฐฯ ก่อนการออกคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แม้ว่าสหรัฐฯ จะออกหมายจับนางสาวเมิ่งตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2018 ก่อนการจับกุมเธอนานกว่า 3 เดือน อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ส่งคำร้องขอจับกุมตัวนางสาวเมิ่งให้แคนาดาล่วงหน้าเพียง 1 วันเท่านั้น และหวัง โจวตี๋ (Wang Zhoudi) อัยการสูงสุดของแคนาดา เลื่อนคำร้องดังกล่าวออกไปอีก 1 วันก่อนจะแจ้งให้ทรูโดทราบ ดังนั้น ทรูโดจึงอาจไม่เข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ดังกล่าวมากพอ

นับตั้งแต่มีการออกหมายจับจนถึงวันที่ดำเนินการจับกุม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เคยชี้แจงกำหนดการจับกุมตัวนางสาวเมิ่ง ทั้งที่ช่วง 2 เดือนก่อนหน้าจะถูกจับกุม เธอเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ถึง 6 ประเทศที่มีข้อตกลงส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงแคนาดา แต่สหรัฐฯ กลับไม่เคยยื่นคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างนั้น

แมคนอห์ตันระบุว่า เป็นที่ชัดแจ้งว่ารัฐบาลทรัมป์มีหลากหลายแผนการที่จะจัดการกับจีนและ Huawei ซึ่งเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมระดับโลก เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการให้พันธมิตรแบนการใช้อุปกรณ์ของ Huawei ในเทคโนโลยีมือถือ 5G เจเนอเรชั่นใหม่ เขายังกล่าวอีกว่านายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ไม่ได้รับคำเตือนหรือคำแนะนำใดๆ เกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะตามมาหลังการจับกุมตัวนางสาวเมิ่ง นอกจากนี้ หมายแจ้งเพียงสั้นๆ จากสหรัฐฯ ยังปิดกั้นไม่ให้รัฐบาลแคนาดาได้มีโอกาสประเมินผลร้ายที่จะตามมา

นอกเหนือจากหมายแจ้งในระยะเวลาสั้นๆ ที่ส่งมาให้แคนาดาจับกุมนางสาวเมิ่งแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้เริ่มเกริ่นและปูเรื่องราวการไล่ล่าตัวผู้บริหาร Huawei อย่างเปิดเผยก่อนการจับกุมนางสาวเมิ่งถึง 1 เดือน

ในการแถลงข่าวที่วอชิงตันเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เจฟฟ์ เซสชันส์ (Jeff Sessions) อัยการสูงสุดสหรัฐฯ เปิดเผยถึงสิ่งที่รัฐบาลทรัมป์เรียกว่า “แผนริเริ่มจีน” (China Initiative) ซึ่งเป็นความพยายามครั้งแรกของสหรัฐฯ ในการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการทุจริตข้ามชาติ (Foreign Corrupt Practices Act - FCPA) เพื่อเป้าหมายทางการเมือง เขาเสริมว่ากระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ เคยจะดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัทจีนที่ฝ่าฝืนกฎหมายในระหว่างที่แข่งขันกับบริษัทสหรัฐฯ

บันทึกของศาลในคดีส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนชี้ว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้แจ้งกับฝ่ายแคนาดา ซึ่งรวมถึงตำรวจแคนาดาและเจ้าหน้าที่ตุลาการ ว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องจับกุมตัวผู้บริหาร Huawei ระหว่างที่เธอแวะเปลี่ยนเครื่องบินที่แวนคูเวอร์ แต่ไม่ได้อธิบายว่าเหตุใดพวกเขาจึงปล่อยโอกาสที่จะควบคุมตัวเธอก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ออกหมายจับชั่วคราว ซึ่งหมายความว่าต้องควบคุมตัวบุคคลในหมายไว้โดยห้ามล่าช้า คำร้องของสหรัฐฯ ระบุไว้ว่า “แม้ว่าเมิ่งจะถูกควบคุมตัวไว้ชั่วคราวที่แคนาดาในวันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม แต่ยังคงเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งหรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะนำตัวเธอไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ” พร้อมระบุว่าวอชิงตันไม่มีข้อตกลงส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับปักกิ่งนอกจากนี้ วันที่ 1 ธันวาคม ยังบังเอิญตรงกับวันที่มีการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเดินทางไปร่วมรับประทานอาหารค่ำเป็นการส่วนตัวกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงหลังเสร็จสิ้นการประชุม และแม้ว่าโบลตันอยู่ร่วมในการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 กับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แต่เขาบอกกับผู้สื่อข่าวสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมว่าเขาไม่ได้แจ้งทรัมป์เกี่ยวกับการจับกุมนางสาวเมิ่ง

ส่วนเหตุใดสหรัฐฯ จึงเลือกแคนาดาแทนที่จะเป็นประเทศอื่นๆ ที่นางสาวเมิ่งเดินทางไปเยือนนับตั้งแต่มีการออกหมายจับ เอริก ลูอิส (Eric Lewis) นักกฎหมายสหรัฐฯ ซึ่งเชี่ยวชาญคดีฉ้อโกงและทุจริตระหว่างประเทศ ระบุว่าวอชิงตันอาจพิจารณาแล้วว่าออตตาวามีแนวโน้มจะยอมลงมือมากที่สุด “ผมทำได้เพียงคาดเดาว่าสหรัฐฯ มองว่า (แคนาดา) จะเป็นพันธมิตรที่ตรงไปตรงมาและพึ่งพาได้มากที่สุด” เขากล่าว จอห์น แมนลีย์ (John Manley) อดีตรองนายกรัฐมนตรีแคนาดาจากพรรคลิเบอรัล ระบุว่าเขาไม่แน่ใจว่านางสาวเมิ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเล่นเกมภูมิศาสตร์ทางการเมืองของรัฐบาลทรัมป์หรือไม่ ก่อนจะเสริมว่า “แต่สำหรับผมแบบนี้ดูมีพิรุธนะ’’

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ซีอีโอ AWS ชี้ AI Agents จะเปลี่ยนโลกยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต เราอาจได้เห็น AI Agent พันล้านตัวรันองค์กร

AWS ซีอีโอประกาศชัด AI Agents จะสร้างผลกระทบต่อโลกธุรกิจยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตและ Cloud พร้อมเปิดยุคที่ ‘AI Agent พันล้านตัว’ ทำงานอัตโนมัติอยู่หลังองค์กรทั่วโลก เร่งผลตอบแทนทางธุรกิ...

Responsive image

วิกฤตสมองไหลใน Apple ไม่จบ ! ล่าสุด Meta ดึงตัว Alan Dye หัวหน้าทีมดีไซน์ Apple ผู้คุมออกแบบ Liquid Glass ใน iOS26

เจาะลึกสมองไหลใน Apple ปี 2025 เมื่อผู้เชี่ยวชาญ AI หลายคนย้ายไป Meta, OpenAI และ Cohere ส่งผลต่ออนาคต Apple Intelligence...

Responsive image

เจาะแผน 'Quick Win' รัฐ-เอกชน ผนึกกำลังดันครีเอเตอร์ไทยสู่อาชีพมั่นคง

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยน เมื่อเรากลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลกที่ 'ยอดผู้ใช้งาน TikTok แซงหน้า YouTube' อย่างชัดเจน ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขอ...