
Huawei ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากจีน ได้จุดประกายความหวังครั้งใหม่ให้กับวงการยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการยื่นจดสิทธิบัตร "แบตเตอรี่โซลิดสเตตทั้งหมด" (solid-state) ชนิดซัลไฟด์ ที่มาพร้อมกับคำกล่าวอ้างถึงประสิทธิภาพอันน่าทึ่ง ทั้งการวิ่งได้ไกลถึง 3,000 กิโลเมตร และการชาร์จเร็วพิเศษในเวลาไม่ถึง 5 นาที แต่ท่ามกลางความตื่นเต้นนี้ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมหลายคนยังคงตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ในการใช้งานจริง
ปัจจุบัน Huawei ไม่ได้ลงมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง แต่ทำหน้าที่เป็นซัพพลายเออร์เทคโนโลยีให้กับค่ายรถยนต์ต่างๆ การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เป็นการส่งสัญญาณว่าพวกเขากำลังรุกเข้าสู่สมรภูมิเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว โดยมีเป้าหมายท้าชนผู้เล่นรายใหญ่อย่าง BMW, Mercedes-Benz, VW, และ BYD ที่ต่างก็ซุ่มพัฒนาเทคโนโลยีนี้อยู่เช่นกัน
ตามรายงานจาก Car News China สิทธิบัตรของ Huawei ระบุถึงสถาปัตยกรรมแบตเตอรี่ที่มีความหนาแน่นของพลังงาน (Energy Density) สูงถึง 400-500 Wh/kg ซึ่งนับว่าสูงกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบันถึง 2-3 เท่า
หัวใจของเทคโนโลยีนี้คือการใช้อิเล็กโทรไลต์ชนิดซัลไฟด์ที่เป็นของแข็ง และใช้เทคนิคที่เรียกว่า "การโดป" (doping) ด้วยไนโตรเจน เพื่อแก้ปัญหาปฏิกิริยาข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์บริเวณขั้วลิเธียม ซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทายหลักของแบตเตอรี่โซลิดสเตต อย่างไรก็ตาม รายละเอียดทางเทคนิคส่วนใหญ่ยังคงถูกเก็บเป็นความลับ ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดเพื่อชิงความเป็นหนึ่งในการผลิตแบตเตอรี่ชนิดนี้ในระดับอุตสาหกรรม
ด้วยทฤษฎีนี้ Huawei เชื่อว่าแบตเตอรี่ของตนจะสามารถให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุดถึง 1,864 ไมล์ หรือราว 3,000 กิโลเมตร และยังสามารถอัดประจุจาก 10% ไปถึง 80% ได้ในเวลาไม่ถึง 5 นาที ซึ่งหากทำได้จริง นี่จะเป็นการปฏิวัติวงการอย่างแท้จริง
เสียงสะท้อนจากผู้เชี่ยวชาญ "อาจทำได้แค่ในแล็บ"
แม้ตัวเลขจะดูน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวัง ศาสตราจารย์ ยัง มิน-โฮ แห่งภาควิชาวิศวกรรมพลังงาน มหาวิทยาลัยดันกุก ให้ความเห็นกับสื่ออย่าง Electrek ว่า "ประสิทธิภาพระดับนั้นอาจเป็นไปได้ในสภาวะห้องปฏิบัติการ" แต่การจะทำให้เกิดขึ้นจริงบนท้องถนนนั้น "ยากอย่างยิ่ง"
ปัจจัยสำคัญคือการสูญเสียพลังงานและการจัดการความร้อนในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งซับซ้อนกว่าในห้องทดลองอย่างมาก นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ยังชี้ว่าเทคนิคการโดปด้วยไนโตรเจนนั้นถือเป็น "เทคนิคมาตรฐาน" ที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักวิจัย แต่ความท้าทายที่แท้จริงคือการขยายขนาดการผลิต (Scale up) ให้ได้ในระดับที่เพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ซึ่งยังไม่มีใครทำได้สำเร็จ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าจีนกำลังเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและมักจะประกาศนวัตกรรมที่อาจพลิกเกมออกมาอยู่เสมอ แต่ความจริงแล้วการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิดสเตตยังเป็นเส้นทางที่ยาวไกล และไม่น่าจะรวดเร็วอย่างที่หลายบริษัทกล่าวอ้าง
ยิ่งไปกว่านั้น แนวคิดเรื่องรถที่วิ่งได้ 3,000 กม. อาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น เพราะนั่นหมายถึงแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมหาศาล ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสมรรถนะการขับขี่และราคาจำหน่ายที่สูงขึ้นโดยใช่เหตุ
ซึ่งหาก Huawei สามารถบรรลุเป้าหมายความหนาแน่นพลังงานที่ 400-500 Wh/kg ได้จริง แนวทางที่สมเหตุสมผลกว่าคือการนำเทคโนโลยีนี้ไปสร้างแบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กลงและเบาลง แต่ยังคงให้ระยะทางที่น่าประทับใจ เช่น 900-1,000 กม. ต่อการชาร์จ ซึ่งเพียงพอที่จะขจัดความกังวลเรื่องระยะทาง (Range Anxiety) ของผู้ใช้ส่วนใหญ่ออกไปได้อย่างสิ้นเชิง ประกอบกับเครือข่ายสถานีชาร์จที่เติบโตขึ้นทุกวัน การเดินทางไกลด้วยรถ EV ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป
ที่มา: Techradar
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด