ในวันพุธที่ผ่านมา Mark Zuckerberg ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Facebook ได้เชิญผู้ติดตามของเขา 82 ล้านคนนั่งการประชุมส่วนตัวระหว่างเขากับ COO อย่าง Sheryl Sandberg ในรูปแบบของการ live- stream
ในระหว่างการสนทนา Mark พยายามที่จะกำหนดว่า Facebook คืออะไร หลังจากที่เขาได้รับคำถามเกี่ยวกับบริษัทที่เติบโตขึ้นมาในฐานะสื่อจากอดีตที่ผ่านมา บางทีนี่อาจจะเป็นเวลาที่ผู้จัดตั้ง Facebook อย่างเขาอภิปรายในส่วนนี้ ไม่รู้ว่าการอธิบายของเขาจะช่วยให้ความกระจ่างมากน้อยเพียงไร
ตามที่ Mark ได้บอกไว้ว่า Facebook ไม่ได้เป็นบริษัทสื่อและไม่ได้เป็นบริษัทเทคโนโลยีแบบเก่า ขอบคุณสำหรับการทำให้กระจ่างขึ้นนะ Mark ก่อนที่จะตีความหมายสิ่งที่เขาหมายสิ่งที่เขากำลังสื่อออกมา นี่เป็นความคิดเห็นของเขาแบบเต็มๆที่ถ่ายทอดสดจากสตรีม
“Facebook เป็นแพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ มันไม่ได้เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีแบบดั้งเดิม มันไม่ได้เป็นบริษัทด้านสื่อแบบดั้งเดิม เราสร้างเทคโนโลยีและเรารู้สึกรับผิดชอบในสิ่งที่จะนำไปใช้ เราไม่ได้เขียนข่าวให้ผู้คนอ่านเรื่องแพลตฟอร์มเท่านั้น แต่ในเวลาเดียวกันเรารู้ว่าเราทำมากกว่าเพียงแค่การกระจายข่าว เราเป็นส่วนสำคัญของบทสนทนาแบบสาธารณะ”
ขณะที่นักวิจารณ์หลายคนลงความเห็นว่า Facebook นั้นเป็นบริษัทสื่อ เผยแพร่ข่าวและวิจารณ์บทความ ซึ่ง Mark Zuckerberg ก็ได้บอกก่อนหน้านี้ว่า Facebook จะยึดสายไปทางสายบริษัทเทคโนโลยี
คำสั่งเปลี่ยนเเปลงจุดยืนครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม Mark Zuckerberg กล่าวในงานที่ในอิตาลีว่า Facebook เป็นบริษัทเทคโนโลยีและ "ไม่ได้เป็นบริษัทสื่อ" ในทำนองเดียวกัน เดือนตุลาคม Sheryl Sandberg กล่าวว่า Facebook เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการสร้างเครื่องมือไม่ได้เป็นบริษัทสื่อที่มุ่งเน้นไปที่การทำเรื่องราวต่างๆ
ตอนนี้ CEO อย่าง Mark กำลังยอมรับว่า Facebook เป็นมากกว่าเพียงแค่การ "กระจายข่าว"
ความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของ Facebook ได้ถูกพุ่งเป้าเมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากมีข่าวปลอมบนเว็บไซต์เเละประเด็นผลกระทบต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ อีกทั้งเหตุการณ์อื่นๆ เช่น การกำจัดภาพของสงครามเวียดนามที่เห็นได้จากตั้งคำถามตัดสิน
วิธีที่ Facebook ใช้ในจัดการเนื้อหาในการให้บริการของตนได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในการปลุกกระแสการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา การแพร่กระจายของข่าวหลอกๆใน Facebook ในทำเกิดความโกรธเคืองในหมู่สื่อด้วยกัน ซึ่งในปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการพยายามอย่างแข็งขันที่จะต่อสู้ด้วยเครื่องมือใหม่
เมื่อเร็วๆ นี้ Facebook ได้มีจ้างงานบรรณาธิการฟีดข่าวที่กำลังได้รับความนิยม กล่องขนาดเล็กที่มีการพาดหัวข่าวและสรุปเล็กๆ ของเหตุการณ์ปัจจุบันถูกกล่างถึงผ่านแพลตฟอร์มนี้ บรรณาธิการเหล่านั้นประมาณ 30 คน ถูกคัดออกในเดือนสิงหาคมและแทนที่ด้วยอัลกอริทึม หลังจากข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการตรวจสอบความถูกต้องของข่าว
ขั้นตอนวิธีการที่ล้มเหลวในการตรองความจริงจากข่าวปลอม จนรายงานเท็จต่อผู้ชมจำนวน 1.79 พันล้านต่อต่อเดือน หลายครั้งหลายคราวที่ชาวอเมริกันกล่าวว่าพวกเขาได้รับข่าวจากสื่อสังคม
Facebook ในปัจจุบันมีการพยายามที่จะจัดการกับผลกระทบดังกล่าว ตอนนี้บริษัทกำลังทำงานที่เกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยความพยายามที่จะยับยั้งการรั่วไหลของข่าวปลอม
ในหัวข้อการพูดถึงในประเด็นเรื่องโกหก, สแปมและข่าวที่ทำให้เกิดเข้าใจผิด Mark Zuckerberg กล่าวว่า "มันเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าในปี 2016 นี่เป็นอีกเรื่องที่เขารู้สึกภูมิใจที่คนในบริษัทของเขาจริงจังมาก"
Mark Zuckerberg กล่าวว่า "เมื่อเราคิดถึงสิ่งที่ Facebook พยายามที่จะทำเพื่อคนเสียงผู้ใช้งาน เป็นหนึ่งในสิ่งที่เราใช้เวลากับมันมากเพื่อให้ได้รับผลตอบกลับมาในปีนี้ และผมคิดว่าก้าวต่อไปข้างหน้าคือการที่เรามีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องมือเหล่านี้จะใช้ในการสร้างผลประโยชน์มากที่สุดสำหรับคนทั่วโลก"
เมื่อ Mark Zuckerberg พูดถึงเทคโนโลยีของบริษัทของเขาและ "วิธีการที่จะใช้" เขาน่าจะนึกถึงเรื่องที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างขึ้นมาได้ เช่น วิดีโอถ่ายทอดสด และแนวทางการตรวจจับที่เข้มงวดของ Facebook
นอกจากนี้ยังมีความจริงที่ว่าอัลกอริทึมฟีดข่าวบน Facebook ทำเนื้อหาสำหรับผู้ใช้โดยยึดเอากิจกรรมของพวกเขาเป็นหลัก โดยเป็นการเติมเชื้อเพลิงมากขึ้นจนก่อให้เกิดไฟไหม้เมื่อมันมาพร้อมกับข้อกล่าวหาว่า Facebook ได้ทำการแก้ไขและเลือกเนื้อหาในทางที่ดูเป็นสื่อ นอกจากนี้บริษัทยังได้รับเงินหลายล้านดอลล่าร์พร้อมข้อเสนอในการเป็นหุ้นส่วนโดยบริษัทเลือกวิดีโอสดและเผยแพร่บทความที่ใช้เครื่องมือใน Facebook ทันที
จากการเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ เราไม่แปลกใจที่ CEO ของ Facebook กำลังค่อยๆเปลี่ยนท่าทีของเขาในหัวข้อนี้
เว็บไซต์ Digital Trends ได้สรุปข้อมูลทั้งหมด และมองว่า Facebook จับทั้งสองอย่างพร้อมๆ กัน
แปลและเรียบเรียงจาก digitaltrends.com และ theguardian.com
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด