การแข่งขันด้านเทคโนโลยี Generative AI ยังคงร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ OpenAI เปิดตัว ChatGPT จนทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ต่างแข่งขันพัฒนาเทคโนโลยีตัวนี้ รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เช่น จีน ประเทศต่างๆในยุโรป แต่ทำไมญี่ปุ่นที่กำลังเป็นประเทศที่ตามหลังในเรื่องนี้
สิ่งสำคัญที่สุดในการพัฒนาเทคโนโลยี Generative AI คือ โมเดลภาษาขนาดใหญ่หรือ LLM ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาอัลกอริทึม เพื่อให้ AI แสดงผลออกมา ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ ChatGPTและ Bard
ความเห็นจาก Noriyuki Kojima CEO ของ Kobota Technology สตาร์ทอัพผู้พัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น มองว่าญี่ปุ่นยังคงตามหลังทั้งสหรัฐฯและจีน กับประเทศต่างๆในสหภาพยุโรป เพราะขาดแคลนวิศวกรในพัฒนาซอฟต์แวร์ และ Deep Learning ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ
ตามข้อมูลของกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม ญี่ปุ่นจะเผชิญกับการขาดแคลนวิศวกรซอฟต์แวร์ถึง 789,000 คนภายในปี 2030 ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 28 จาก 63 ประเทศ ในด้านความรู้ทางเทคโนโลยีตามการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD (IMD World Digital Competitiveness Ranking)
นอกจากนี้กลุ่มบริษัทเอกชนในญี่ปุ่นก็ยังไม่มีบริษัทไหนครอบครอง Supercomputer เป็นของตนเอง นอกจากรัฐบาลที่มี Fugaku ไว้ครอบครอง เพราะการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่หรือ LLM ต้องใช้ Supercomputer AI และฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูง เช่น Vela ของ IBM และ Azure ของ Microsoft
ทางออกแรกที่จะทำให้ญี่ปุ่นสามารถก้าวทันการแข่งขันพัฒนาเทคโนโลยี Generative AI ได้นั่นคือ การเพิ่ม Supercomputer เป็นประการแรก
สถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียวและมหาวิทยาลัย Tohoku วางแผนที่จะใช้ Supercomputer Fugaku พัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่หรือ LLM โดยอิงจากข้อมูลของญี่ปุ่นเป็นหลัก ร่วมมือกับ Fujitsu และ Riken
นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นจะลงทุนด้วยเงิน 6.8 พันล้านเยน (ประมาณ 48.2 ล้านดอลลาร์) เพื่อสร้าง Supercomputer เครื่องใหม่ในฮอกไกโด และจะเริ่มให้บริการในต้นปีหน้า
ทางออกที่สองคือ บริษัทในญี่ปุ่นต้องเริ่มเดินหน้าพัฒนาโมเดลภาษา หรือ LLM เป็นของตัวเอง บริษัท Softbank ในญี่ปุ่นประกาศเมื่อเดือนมิถุนายนว่าบริษัทมีแผนที่จะพัฒนา Generative AI และเน้น AI ให้มากขึ้นเพื่อทำให้ญี่ปุ่นกลับมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและต้องเป็นผู้นำด้าน AI
SoftBank Group ขายหุ้น 85% ใน SB Energy ให้กับ Toyota Tsusho ในเดือนเมษายน และเพิ่งตกลงที่จะขายหุ้น 90% ใน Fortress Investment Group ซึ่งเป็นผู้จัดการด้านการลงทุนของสหรัฐ
การขายหุ้นออกไปทำให้ SoftBank มีเงินมากพอที่จะลงทุนในเทคโนโลยี AI นอกจากนี้ SoftBank ยังมี Arm บริษัทออกแบบชิปที่ SoftBank เป็นเจ้าของก็พร้อมที่จะดำเนินการจดทะเบียน IPO ของสหรัฐในปีนี้
NTT บริษัทโทรคมนาคมของญี่ปุ่นประกาศที่จะพัฒนาโมเดลภาษาหรือ LLM ของตัวเอง โดยจะนำเงินลงทุนถึง 8 ล้านล้านเยนสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่รวมถึงการพัฒนา AI
CyberAgent บริษัทโฆษณาดิจิทัลเปิดตัว LLM ในเดือนพฤษภาคมที่ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถสร้างเครื่องมือ AI chatbot ได้ บริษัทกล่าวว่านี่คือ AI ที่เชี่ยวชาญในภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น
การพัฒนาของญี่ปุ่นอาจจะดูช้าแต่ภาคเอกชนก็ให้ความสำคัญกับการสร้าง Infrastructure ให้แข็งแกร่งเสียก่อน
นอกจากนี้บริษัทในญี่ปุ่นกว่า 60% มีทัศนคติเชิงบวกกับเทคโนโลยี Generative AI สำหรับการทำงานในขณะที่อีก 9.1% ก็ใช้ AI มานานแล้ว
เมื่อบริษัทต่างๆหันมาลงทุนในด้าน AI แล้ว ทางออกต่อมาที่สำคัญก็คือการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับ AI รัฐบาลญี่ปุ่นจึงอาจพิจารณาการนำ AI มาใช้ในภาครัฐมากขึ้น เช่น ChatGPT อย่างที่เคยมี ข่าวมาก่อนหน้าว่าภาครัฐจะนำ AI เข้ามาใช้มากขึ้นแต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์
แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเปิดรับกับเทคโนโลยี AI มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องประเมินความเสี่ยงของเทคโนโลยี และมองความจำเป็นของเทคโนโลยี เพื่อสำหรับการออกกฎหมายในการควบคุม AI ให้สอดคล้อง ครอบคลุมและเข้มงวด
ที่มา : CNBC
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด