บริษัท เจ เวนเจอร์ส จํากัด หรือ JVC (บริษัทย่อยของ บริษัท เจ มาร์ท จํากัด (มหาชน) หรือ JMART) ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชันทางด้านฟินเทค (Fintech) และลงทุนในธุรกิจ Startup ประกาศเปิดตัว “ป๋า” พร้อมกับ “JFIN Wallet” ระบุต้องการพัฒนาเรื่องของฟินเทคให้เกิดขึ้นจริง และสามารถใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม

โดยคุณธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JVC เปิดเผยว่า บริษัทได้ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์ม 'ป๋า' ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อ แบบดิจิทัลในรูปแบบฟินเทคอย่างแท้จริง และเป็นไปตามแผนการพัฒนาระบบ Digital Lending Platform หรือ DLP ของบริษัทฯ โดยนําเงินระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO) ที่ออกใหม่ต่อประชาชน มาพัฒนาระบบดังกล่าวตามที่ระบุไว้ใน White Paper

เปิดตัว 'ป๋า' แพลตฟอร์มให้กู้ยืมเงินผ่านออนไลน์

คุณธนวัฒน์ระบุว่าการเปิดตัว “ป้า" พร้อมกับ JFIN Wallet ครั้งนี้ก็เพื่อให้โทเคนดิจิทัลมาใช้ในเชิงเศรษฐกิจได้จริง หรือเรียกว่า Tokenomic ซึ่งทางบริษัทระบุว่าต้องการขอการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เทคโนโลยีทางการเงินในประเทศไทยเกิดขึ้นได้จริง และทัดเทียมกับระดับโลก โดยในแพลตฟอร์มจะหาสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงมีการประเมินเบื้องต้นว่าลูกค้าที่เข้ามาขอสินเชื่อมีคุณสมบัติหรือเข้าเงื่อนไขในการสมัครหรือไม่ จากนั้นผู้บริโภคจึงจะยื่นความประสงค์มา และรอผลอนุมัติที่รวดเร็ว

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถใช้งานบนเว็บไซต์ www.ป๋า.com และดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน “PAH” ผ่าน Google Play ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ JVC คาดว่าเพิ่มโอกาสในธุรกิจสินเชื่อออนไลน์ที่เชื่อมต่อให้ผู้กู้ที่มีศักยภาพสามารถกู้เงินได้ และคาดหวังว่าจะเพิ่มโอกาสให้ "บริษัท เจฟินเทค จํากัด" บริษัทในกลุ่ม เจมาร์ท เข้าถึงการให้บริการสินเชื่อของผู้กู้รายย่อยที่มีศักยภาพมากขึ้น

"ภายหลังจากการระดมทุน ICO เมื่อต้นปีที่ผ่านมา JVC มุ่งมั่น และเร่งพัฒนาระบบสินเชื่อทั้ง Digital Lending Platform หรือ DLP และ Decentralized Digital Lending Platform หรือ DDLP ให้สําเร็จตามแผน ดําเนินงานในเดือนตุลาคมปี 2562 โดยได้เดินสายขอหารือกับหน่วยงานทางการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับคําแนะนํา และข้อคิดเห็นก่อนที่จะดําเนินการ เนื่องจากทราบดีว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ที่ต้องระมัดระวังทางด้านการกํากับจาก หน่วยงานภาครัฐ" คุณธนวัฒน์ กล่าว

เปิดตัว JFIN Wallet กระเป๋าเก็บ 'JFIN Coin'

นอกจากนี้ ยังเปิดให้นำโทเคนดิจิทัลที่เคยขายในรูปแบบ ICO อย่าง JFIN ที่อยู่ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency Exchange) โอนเข้ามาอยู่ในแอปกระเป๋าสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency Wallet) ที่ชื่อว่า JFIN Wallet เพื่อให้ใช้งานได้อย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย โดย JVC เคลมว่า JFIN Wallet ถือเป็น Cryptocurrency Wallet ตัวแรกของคนไทย ที่พัฒนาโดยคนไทย

ซึ่งในระยะแรกจะเปิดให้นําเหรียญ JFIN มาใช้ชำระค่าสินค้าในเครือของเจมาร์ทได้แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยเริ่มประกาศเปิดตัวแคมเปญแรกคือ การเปิดให้นำเหรียญ JFIN มาแลกส่วนลดมือถือที่ร้านเจมาร์ท สาขาสยามพารา กอน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (18 ตุลาคม 2561) ตามเงื่อนไขที่กําหนด รวมถึงยังเปิดให้ใช้เหรียญ JFIN แลกรับกาแฟที่ร้าน CASA Lapin ได้ตั้งแต่ในวันที่ 17-31 ตุลาคม 2561 อีกด้วย

"เราได้พิสูจน์ให้ผู้ถือ JFIN เห็นแล้วว่า บริษัทฯ มุ่งหวังที่จะสร้างให้เกิดขึ้นจริง ทั้งการร่วมมือกับ Microsoft Thailand และ R3 ในการพัฒนาระบบ Blockchain รวมถึงการต่อยอดการพัฒนาอื่นๆ ต่อไปในอนาคต" คุณธนวัฒน์ กล่าว

พร้อมขอไลเซนส์ P2P Lending หากเปิด เชื่อได้เป็นรายแรกๆ

คุณธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร J Ventures

ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังออกประกาศกำหนดให้ธุรกิจสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคล (Peer-to-Peer Lending Platform) เป็นกิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 โดยต้องเข้า Regulartory Sandbox ของ ธปท. ก่อน หลังจากผ่านการทดสอบแล้ว จึงจะให้บริการได้

ทางคุณธนวัฒน์ยังระบุว่า โดยยอมรับว่าระบบที่ทำขึ้นมาก็มีความคล้ายกับ P2P Lending ที่แบงก์ชาติหรือ ธปท. กำลังอยู่ในช่วงเปิดให้ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มที่มีรูปแบบดังกล่าวสามารถเข้ามาพูดคุยและทำความเข้าใจกับ ธปท. ได้ ซึ่งทาง J Ventures ก็ได้เข้าพูดคุยกับทาง ธปท. อยู่ด้วยเช่นกัน

"เชื่อว่าถ้าแบงก์ชาติประกาศเปิดไลเซนส์ P2P จริง ผมจะเป็นรายต้นๆ ที่ได้ไลเซนส์ เพราะของผมเป็นแพลตฟอร์มจริงๆ" คุณธนวัฒน์กล่าว และยังระบุว่าแพลตฟอร์ม 'ป๋า' ไม่ได้เข้ามาแข่งกับธนาคาร แต่จะมาช่วยธนาคาร เพราะออกแบบมาเพื่อเป็นจุดกึ่งกลางที่รับผู้ให้บริการด้านสินเชื่อหลายๆ ราย มาใช้งานผ่านแพลตฟอร์มนี้ได้

หมายเหตุจาก Techsauce : การลงข่าวที่เกี่ยวข้องกับ ICO และ Cryptocurrency เป็นไปเพื่ออัพเดทเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่การชี้ชวนให้ลงทุนแต่ประการใด การลงทุนในช่องทางดังกล่าวเป็นวิจารณญาณและการตัดสินใจของผู้อ่านข่าวเอง “การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน”