KBTG สร้างประวัติศาสตร์ ส่ง ‘Future You’ AI คุยกับอนาคต คว้าหนึ่งในร้อยรางวัล ‘นวัตกรรมเปลี่ยนโลก’ จาก Fast Company


ในขณะที่หลายคนกังวลว่า AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ ก็มีอีกหลายองค์กรที่พยายามพิสูจน์ว่า AI สามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วย 'เติมเต็ม' ความเป็นคนได้ หนึ่งในนั้นคือ KBTG ที่ได้ร่วมมือกับสถาบันชั้นนำของโลกพัฒนาโปรเจกต์ ‘Future You’ ขึ้นมา 

และล่าสุดความพยายามนี้ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเทคโนโลยีไทย ด้วยการคว้ารางวัล World Changing Ideas Awards 2025 จาก Fast Company สื่อด้านนวัตกรรม และธุรกิจชั้นนำของโลก

รางวัลนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะ ‘Future You’ คือ 1 ใน 100 โครงการที่ได้รับเลือกจากผู้เข้าประกวดกว่า 1,500 โปรเจกต์ทั่วโลก ในสาขา Academic Excellence สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จจากการร่วมมือระหว่าง KBTG และสถาบันการศึกษาระดับโลกอย่าง MIT Media Lab, Harvard University และ UCLA

แต่ Future You คืออะไร? และทำไมถึงอาจเปลี่ยนโลกได้ ?

จาก ‘โดราเอมอน’ สู่ AI ที่ให้เราคุยกับอนาคต

นี่คือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ที่ ดร. พัทน์ ภัทรนุธาพร (พีพี) จาก MIT Media Lab และผู้เขียนหลักของงานวิจัยนี้เล่าให้ฟัง เขาได้แรงบันดาลใจจากภาพจำในวัยเด็กอย่าง ‘โดราเอมอน’ ที่พาโนบิตะไปเจอตัวเองในอนาคตเพื่อเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน

‘Future You’ คือแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ให้ผู้ใช้งานได้สนทนากับตัวตนเสมือนจริงของตัวเองในอนาคต  ผู้ใช้จะเริ่มต้นด้วยการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับชีวิต, ความฝัน, และเป้าหมาย 

จากนั้น AI จะสร้าง ‘ตัวตนดิจิทัลในวัย 60 ปี’ ขึ้นมา พร้อมกับรูปภาพที่ถูกปรับอายุด้วย AI  และความทรงจำในอนาคตที่เป็นเรื่องราวเบื้องหลังเฉพาะบุคคล เพื่อให้การสนทนาสมจริงและเป็นส่วนตัวที่สุด 

ผลลัพธ์จากงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ ซึ่งทดลองกับผู้เข้าร่วม 344 คน พบว่าการได้คุยกับ Future You เพียงช่วงสั้นๆ สามารถลดความวิตกกังวล (Anxiety) และความรู้สึกแย่ๆ (Negative Emotions) ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งเพิ่มระดับความเชื่อมโยงกับตัวตนในอนาคต (Future Self-Continuity) ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อสุขภาพจิตและการตัดสินใจระยะยาว 

ไม่ใช่แค่ Productivity แต่คือ ‘AI เพื่อการเติบโตของมนุษย์’

มันคือการนำ Empathy เข้าไปใส่ในเทคโนโลยี เราสร้าง AI เพื่อให้มนุษย์เบ่งบาน ไม่ใช่สร้าง AI มาเพื่อแทนที่มนุษย์


คุณกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล, Group Chairman ของ KBTG อธิบายว่าถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาโปรเจ็กต์นี้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทาง ‘Human-First, AI-First’ ของ KBTG ที่เชื่อว่าเทคโนโลยีจะไร้ความหมายหากไม่ได้รับใช้มนุษยชาติ 

ทางด้าน ดร. ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล, Managing Director ของ KBTG ได้เสริมว่า โปรเจกต์นี้คือผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมของยุทธศาสตร์ ‘Human-First, AI-First’ ซึ่งเป็นแกนหลักขององค์กร

"ความร่วมมือกับ MIT ในโปรเจกต์ Future You เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์หลัก ที่เราต้องการนำ AI มาสร้างให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด โดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลางเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง Use Case ใหม่ๆ, การทำวิจัยและนวัตกรรม, ไปจนถึงการสร้าง AI Ecosystem ที่แข็งแกร่ง"

สำคัญกว่าเทคโนโลยี คือจริยธรรม

หลายคนอาจสงสัยว่า AI จะสร้างบทสนทนากับอนาคตขึ้นมาได้อย่างไร และจะเชื่อถือได้แค่ไหน? 

คำตอบไม่ได้อยู่ที่การทำนายอนาคต แต่อยู่ในกระบวนการที่ทีมวิจัยเรียกว่า Future Memory Architecture ซึ่งประกอบไปด้วย 3 สิ่งสำคัญ ได้แก่

1. รวบรวมพิมพ์เขียวชีวิต (Life Story Interface) 

เก็บข้อมูลเชิงลึกผ่านการตอบแบบสอบถามของผู้ใช้ ซึ่งไม่ได้เก็บแค่ข้อมูลทั่วไป แต่รวมถึงเรื่องราวที่เป็นจุดเปลี่ยน, ความทรงจำที่น่าภาคภูมิใจ, และที่สำคัญคือ เป้าหมายในอนาคต ที่ผู้ใช้อยากเห็นตัวเองเป็นในวัย 60 ปี ทั้งในด้านอาชีพ, การเงิน และชีวิตครอบครัว ข้อมูลชุดนี้เปรียบเสมือนพิมพ์เขียวชีวิตของผู้ใช้

2. สังเคราะห์ความทรงจำแห่งอนาคต (Future Memory Generation)

พิมพ์เขียวชีวิตที่ผู้ใช้ให้ข้อมูลมา จะถูกนำไปประมวลผลผ่าน Large Language Model ซึ่ง AI จะไม่สร้างเรื่องราวขึ้นมาลอยๆ แต่จะใช้ข้อมูลเป้าหมายของผู้ใช้เป็นแนวทางในการสังเคราะห์ความทรงจำในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องราวเบื้องหลังของตัวตนวัย 60 ปีขึ้นมา

เช่น หากผู้ใช้บอกว่าอยากเป็นครูสอนชีววิทยาในเชียงใหม่ AI จะไม่เพียงแค่รับรู้ข้อมูล แต่จะสร้างความทรงจำที่สอดคล้องกันขึ้นมา เช่น ความทรงจำที่น่าประทับใจของตัวเราในอนาคต คือตอนที่พานักเรียนไปแคมป์ปิ้งที่อุทยานแห่งชาติ เป็นต้น

3.สร้างบทสนทนาที่มีที่มา

ความทรงจำที่ถูกสร้างขึ้นนี้ จะกลายเป็นฐานข้อมูลให้ AI เพื่อใช้ในการตอบคำถาม ทำให้ทุกคำตอบมีที่มาที่ไป สอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตของผู้ใช้ และให้ความรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับคนที่มีประสบการณ์เหล่านั้นมาจริงๆ 

ดังนั้น เทคนิคนี้ไม่ใช่การปล่อยให้ AI ‘มโน’ อย่างไร้การควบคุม แต่เป็นการ Guided Hallucination โดยใช้เป้าหมายชีวิตของผู้ใช้เป็นเข็มทิศ เพื่อสร้างบทสนทนาที่สร้างแรงบันดาลใจและเชื่อมโยงผู้ใช้กับอนาคตที่พวกเขาอยากเป็นได้อย่างแท้จริง 

"เราไม่ได้ต้องการความแม่นยำ 100% เพราะไม่มีใครรู้อนาคต แต่เราต้องการเครื่องมือที่ช่วยให้คนได้จินตนาการถึง ‘ความเป็นไปได้’ ต่างๆ ในชีวิต" ดร.พัทน์ กล่าวเสริม

โครงการ Future You ผ่านการตรวจสอบ และอนุมัติโดยคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ของ MIT เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและจริยธรรมสูงสุด 

และมีการทำ Red Teaming คือการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาพยายามเจาะระบบเพื่อหาช่องโหว่ และสร้างเกราะป้องกัน (Guardrails) ก่อนที่จะเปิดให้ใช้งานจริง เพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การสร้างภาพอนาคตที่บิดเบือน หรือการส่งเสริมพฤติกรรมในแง่ลบ 


Future You ไม่ได้ทำตัวเป็นนักบำบัด แต่เป็นกระบวนการ Self-Reflection ที่ผู้ใช้ได้คุยกับข้อมูลของตัวเอง มันคือการที่ตัวเราในอนาคตกลับมาช่วยตัวเราเองในปัจจุบัน

ดร.พัทน์ ขยายความถึงขอบเขตในการใช้แชทบอท AI ที่เน้นเรื่องจริยธรรม ซึ่งเป็นการวางกรอบที่ลดความเสี่ยง และส่งเสริมพลังให้กับผู้ใช้งานอย่างแท้จริง

จากเวทีโลกสู่การสร้าง Impact ให้สังคมไทย

ความสำเร็จของ Future You ไม่ได้อยู่แค่บนหน้ากระดาษ แต่ถูกยอมรับในเวทีโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการถูกนำเสนอในสื่อใหญ่อย่าง The Guardian, Wall Street Journal 

รวมถึงการที่คุณกระทิงได้รับเชิญให้เข้าร่วม Fast Company's Impact Council และ AI Governance Alliance ของ World Economic Forum ซึ่งทำให้ KBTG ได้ร่วมกำหนดทิศทางเทคโนโลยีของโลกร่วมกับผู้นำจากองค์กรชั้นนำอื่นๆ

ที่สำคัญคือการถูกนำไปใช้ในโครงการนำร่องที่ Harvard Medical School ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจว่า Future You ไม่ได้มีประโยชน์แค่กับคนหนุ่มสาว แต่สำหรับผู้ป่วยสูงวัย มันคือเครื่องมือที่ช่วยสร้างความหวัง และทำให้พวกเขามองเห็นภาพชีวิตที่มีความสุขหลังการรักษา

และวันนี้ KBTG พร้อมแล้วที่จะนำความสำเร็จนี้กลับมาสร้างประโยชน์ให้คนไทย โดย ดร. มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์, Principal Research Engineer, KBTG Labs เผยถึงแผนการร่วมมือกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อนำเทคโนโลยีนี้ไปสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนที่ขาดแคลน รวมถึงต่อยอดด้านนวัตกรรมสุขภาพจิต (Mental Health) ในประเทศต่อไป

นี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น และก้าวต่อไปที่ทีมวิจัยกำลังมองคือการพัฒนา ‘Large Human Models (LHM)’ หรือโมเดล AI ที่สามารถจำลองและเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิสัยทัศน์ที่น่าจับตามอง

การที่ KBTG และคนไทยสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ไม่ใช่แค่ข่าวดีสำหรับองค์กร แต่คือข้อพิสูจน์ว่าประเทศไทยมีศักยภาพพอที่จะแข่งขันในสนามรบเทคโนโลยีที่ล้ำที่สุดได้

Future You ไม่ใช่แค่เพื่อตัวคุณ แต่คือ Future Us และคือ Future of Thailand

คุณกระทิงกล่าวทิ้งท้าย และนี่คือการเดินทางครั้งสำคัญ ที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ยุคที่เทคโนโลยีและมนุษยชาติเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน

บทความนี้เป็น Advertorial


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

OpenAI เปิดตัว ChatGPT Agent ตัวช่วยอัจฉริยะ ทำงานแทนผู้ใช้ได้หลากหลาย

OpenAI เปิดตัว ChatGPT Agent ผู้ช่วย AI ตัวใหม่ ทำงานแทนมนุษย์ได้หลากหลาย ตั้งแต่จัดตารางงาน สร้างสไลด์ รันโค้ด ไปจนถึงวิเคราะห์คู่แข่ง พร้อมมาตรการความปลอดภัยขั้นสูง...

Responsive image

MIT เตือน! AI อาจเปลี่ยนโลกให้เหมือนหนัง Mad Max คนรวยยิ่งรวย ทิ้งคนส่วนใหญ่แข่งขันกันเอง

David Autor นักเศรษฐศาสตร์จาก MIT ออกโรงเตือนว่า AI อาจนำไปสู่โลกที่ดูมั่งคั่งในภาพรวม แต่เบื้องหลังคือความเหลื่อมล้ำขั้นรุนแรง คล้ายกับภาพยนตร์ Mad Max: Fury Road ที่ทรัพยากรถูกคว...

Responsive image

อังกฤษเผยผลทดลอง ‘เด็กหลอดแก้วจาก DNA 3 คน’ ทารกเกิดแล้ว 8 ราย ลดความเสี่ยงโรคพันธุกรรม

ในปี 2017 นักวิจัยจากอังกฤษได้เริ่มทดลอง “เด็กหลอดแก้วจาก DNA พ่อแม่ 3 คน” โดยมีเป้าหมายลดความเสี่ยงการถ่ายทอดโรคไมโตคอนเดรีย ซึ่งเป็นโรครุนแรงทางพันธุกรรมที่แม่ถ่ายทอดสู่ลูก หลังจ...