‘KJL’ เดินหน้าโตต่อ ปูพรมบุกทุกตลาด เจาะทุกอุตสาหกรรม เดินหน้าออกโปรดักส์ใหม่ ขยายโรงงานรองรับดีมานด์พุ่ง ลั่นปี 66-70 โต 2 เท่าทั้งรายได้ และกำไร เผยรายได้ไม่ต่ำกว่า 10-15% ส่วนกำไรโต 13-14% พร้อมทุ่มงบ 250 ล้านบาท หนุนใช้เทคโนโลยีคุมต้นทุน

คุณเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า ในปี 2566 ตั้งเป้ารายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 10-15% จากปีที่ผ่านมา ส่วนกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 13-14% จากปีก่อน พร้อมตั้งเป้ารักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ไม่น้อยกว่า 28-30% และวางงบลงทุนไว้ที่ 250 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นการลงทุนในส่วนของเครื่องจักร 150 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ประมาณ 50-60 ล้านบาท ลงทุนในส่วนของ Solar Rooftop 25 ล้านบาท และส่วนที่เหลือประมาณ 15-25 ล้านบาท สำหรับการปรับปรุงระบบและอุปกรณ์ต่างๆ
เนื่องจากบริษัทตั้งเป้าที่จะขยายธุรกิจไปยังหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์กลุ่มโรงพยาบาล อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน กลุ่มอุตสาหกรรม IT และ Data Center รวมถึงเทคโนโลยี IOT ที่จะตอบสนองธุรกิจและการต่อยอดธุรกิจสู่ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
ซึ่งด้วยแผนงานที่วางไว้จะทำให้บริษัทฯ มีโอกาสเติบโตทั้งในด้านกำไร และรายได้ในอัตราที่สูงต่อเนื่องกว่า 2 เท่าตัวภายในปี 2571 ซึ่งบริษัทฯได้รองรับการเติบโตด้วยการขยายตัวแทนจำหน่ายไปทั่วประเทศ และขยายกำลังการผลิตของโรงงาน และที่สำคัญบริษัทฯมีแผนที่จะนำเสนอสินค้าให้ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม รวมถึงใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตด้วย Digital Industry 4.0 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในภาคการผลิต
นอกจากนี้ตั้งเป้าหมาย 5 ปีข้างหน้า (2566-2570) รายได้เติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10-15% ต่อปี รวมทั้งการขยายสินค้าในปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 700 SKUs เป็นกว่า 1,000 SKUs รวมทั้งขยายพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มเป็นกว่า 3,500 ตารางเมตร จาก 2,800 ตารางเมตร พร้อมรักษาระดับอัตรากำลังการผลิตไว้ที่เฉลี่ย 70-80% ต่อปี โดยภายใน 2568 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 40 ล้านชิ้นต่อปี
รวมทั้งบริษัทจะเดินหน้าขยายการขายผ่านดีลเลอร์เพิ่มขึ้นจาก 400 ร้านค้าเป็น 800 ร้านค้าครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งจะเน้นกระจายไปบริเวณเขตชายแดน ขณะเดียวกันบริษัทฯ วางแผนจะขยับขยายจากตลาด mai ไปเข้า SET ให้ได้ภายในปี 2570
ในขณะที่ปี 2565 บริษัทฯมีรายได้รวม 1,026.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 180.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.38% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 845.34 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 131.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.97% จากปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 94.04 ล้านบาท ขณะเดียวกันที่ผ่านมาบริษัทฯมี Market Share ของร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าอยู่ที่ 40-50%
โดยที่รายได้ของบริษัทฯที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายสินค้ามาตรฐานเคเจแอล ประกอบไปด้วยตู้สวิทซ์บอร์ด รางเดินสายไฟ และกล่องพูลบ๊อกซ์ ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 171.10 ล้านบาท ตามการฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจ และการขยายการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC รวมถึงรายได้จากการขายสินค้าสั่งผลิต หรือ MTO ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 35.64 ล้านบาท และรายได้จากการขายเศษเหล็กที่เพิ่มขึ้นจำนวน 5.68 ล้านบาท ตามยอดขายสินค้ามาตรฐานเคเจแอลที่เพิ่มขึ้น
ในส่วนของกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ตามราคาต้นทุนวัตถุดิบหลักที่สูงขึ้น รวมถึงบริษัทฯมีการใช้เทคโนโลยีระบบควบคุมการผลิตแบบ Industry 4.0 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ได้แก่ เครื่องตัดเลเซอร์ เครื่องเจาะด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เครื่องพับ และหุ่นยนต์พับอัตโนมัติ เป็นต้น ทำให้บริษัทฯ มีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับพนักงานฝ่ายผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของบริษัทฯปรับสูงขึ้นเป็น 28.62% จากปีก่อนหน้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25.46% และอัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯปรับสูงขึ้นเป็น 12.83% จากปีก่อนหน้าที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.12%
“ในปี 65 ที่ผ่านมาผลประกอบการเติบโตได้จากยอดขายสินค้ามาตรฐาน และสินค้าสั่งผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ถือว่าเป็นกลุ่มสินค้าที่มีสัดส่วนสูงที่สุดของบริษัทฯ ซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นไปตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ การขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า(EV) และพลังงานทดแทน รวมถึงการขยายการลงทุนใน EEC ของภาครัฐและเอกชน ยังเป็นปัจจัยหนุนให้ความต้องการสินค้าของเราเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปีก่อนต่อเนื่องจนถึงปีนี้ และที่สำคัญเรายังใช้เทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้สามารถควบคุมต้นทุน และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการผลิตอีกด้วย”
1.KJL Products ตู้ไฟ รางไฟ KJL
2.Customized Metal & Electrical Products
3.Electrical Wiring
4.Customized Sheet Metal Works
โดยปัจจุบัน KJL อยู่เกือบทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น โรงงานอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการเกษตร อสังหาริมทรัพย์ พาณิชยกรรมและการบริการ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อุตสาหกรรมการแพทย์ พลังงานและสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐานและการเดินทาง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด