Krungsri Finnovate บริษัทร่วมลงทุนในเครือกรุงศรี เผยแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2019 ด้วยเป้าหมายสู่การเป็น ‘The Best Banking Corporate Venture Capital’ (CVC) ในภูมิภาคอาเซียน ต่อยอดการเป็นผู้นำในการบ่มเพาะ Startup จับมือ Startup ร่วมพัฒนาโครงการ และเตรียมลงทุนโดยเน้น Startup ด้าน AI และ Data Analytics ซึ่ง “Silot” Startup จากสิงคโปร์จะเป็น Startup รายล่าสุดที่บริษัทจะร่วมลงทุน
คุณแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด (Krungsri Finnovate) กล่าวว่า “ในปี 2018 บริษัทประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำ Corporate Fintech Accelerator ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องมาถึง 3 ปี โดยในปีที่ผ่านมาสามารถขยายขอบเขตการเปิดรับ ดึงดูด Startup จากสิงคโปร์และเวียดนามเข้าร่วมโครงการ ในระหว่างดำเนินโครงการยังสามารถผสานความร่วมมืออย่างเต็มรูปแบบกับหน่วยธุรกิจต่างๆ ในเครือกรุงศรี (Synergy Driven Accelerator) พัฒนาโครงการนำร่อง ซึ่งความร่วมมือและการลงมือปฏิบัติในสภาพแวดล้อมจริงส่งผลให้ Startup สามารถเติบโตในอัตราเร่งที่รวดเร็วกว่าเดิม เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ Startup ที่ร่วมโครงการเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับ การพัฒนา Startup ในระดับนักศึกษา ซึ่งบริษัทเล็งเห็นศักยภาพและประโยชน์ของการร่วมมือเพื่อสร้าง Startup รุ่นใหม่ ช่วยเติมเต็ม Thai startup ecosystem ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา Krungsri Uni Startup KMITL Hackathon ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจในการใช้ Deep tech เช่น AI, Blockchain และ Data Analytics”
ทั้งนี้ กรุงศรียังคงให้ความสำคัญกับการผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างองค์กรและ Startup บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่าทั้งสองต่างมีศักยภาพและความแข็งแกร่งที่สามารถเติมเต็มกันและกัน ดังนั้นในปีที่ผ่านมา จึงเกิดความมือระหว่างกรุงศรีและ Startup ถึง 26 บริษัท ร่วมเดินหน้า 37 โครงการ ร่วมกับ 20 หน่วยงานธุรกิจภายในกรุงศรี อาทิ การจับมือร่วมกับ Lalamove ในการให้บริการสินเชื่อแบบใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณา (Information-based Lending) การจับมือร่วมกับ SIX Network ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงินสำหรับนักสร้างสรรค์และกลุ่มอาชีพอิสระ และร่วมมือกับ Baania เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพด้านข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้หน่วยงานธุรกิจสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาร เป็นต้น
ในปีนี้ Krungsri Finovate จะเน้นเรื่องของการลงทุน และเริ่มมองหา Startup ในจีนและอิสราเอลเนื่องจากจีนถือเป็นประเทศที่มาความเข้มข้นในการทำงานและมีความเชี่ยวชาญในการทำงานในด้าน moblile application และประเทศอิสราเอลนั้นก็ถือว่ามีผู้คนที่มีทักษะเฉพาะอย่างด้าน Cyber Security ซึ่งจะตอบโจทย์ความปลอดภัยของธนาคารในยุคอนาคต
โดยผลการดำเนินงาน และมูลค่าบริษัทของ Finnomena และ Omise ซึ่งลงทุนไปในปี 2017 มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นมากกว่าถึง 10 เท่า
คุณแซม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2019 Krungsri Finnovate ยังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำ Corporate Fintech Accelerator อย่างต่อเนื่อง โดยยังคงมุ่งเน้นการพัฒนา Startup ด้าน AI, Data Analytics และ Fintech เตรียมเดินสายโรดโชว์ใน 12 เมืองทั่วเอเชีย อาทิ ปักกิ่ง ฮ่องกง ไทเป โฮจิมินท์ สิงคโปร์ และโซล เพื่อเฟ้นหา Startup เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ยังคงเดินหน้าร่วมพัฒนา Startup Ecosystem ผ่านโครงการ Krungsri Uni Startup โดยปีนี้จะจับมือกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดโครงการ Krungsri Uni Startup ABAC Hackathon เพื่อตอบโจทย์ในการใช้ Deep tech เช่น AI, Blockchain และ Data Analytics ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้กับกรุงศรี โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าในแวดวง Startup ไทยร่วมให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
“สำหรับในด้านการลงทุนปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายลงทุนตรง (Direct Investment) ใน Startup ระดับ Series A และ Series B ที่มุ่งเน้นในเรื่องเทคโนโลยี AI และ Data Analytics เป็นหลัก ซึ่งมองหาโอกาสในการลงทุนทั้งกับ Startup ไทยและอาเซียน และยังเชื่อในระบบ Ecoststem ของ Krungsri Finnovate โดยมุ่งเน้นทำงานร่วมกันกับ Startup เจ้าใหม่ๆ ในงานธนาคารที่หลากหลาย เช่น งานทรัพยกรบุคคล เป็นต้น
โดยในปี 2019 Krungsri Finnovate มีเป้าหมายหลักคือทำงาน 80 โครงการร่วมกับ 50 Startups ทั้งในไทยและประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อพัฒนานวัตกรรมในหลากหลายโครงการ อาทิ โครงการ Information-based Lending กับหน่วยงานธุรกิจต่างๆ ภายใต้กรุงศรี ” คุณแซม กล่าวเพิ่มเติม
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด