เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ คุณสามารถเลือกตั้งค่าความยินยอมการใช้คุกกี้ได้ โดยคลิก "การตั้งค่าคุกกี้"
ในการก้าวสู่ปีที่ 80 กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ กำหนดหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงรากฐานอันแข็งแกร่งซึ่งเกิดจากความไว้วางใจ นวัตกรรมอันสร้างสรรค์ และความมุ่งมั่นที่จะทำให้ “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” (Make Life Simple) โดยธนาคารยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมาย “ยืนหนึ่งการเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” ในปี 2568 กรุงศรีจะยังคงรักษาบทบาทในการช่วยกำหนดภูมิทัศน์การเงินของประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “Shaping Future Together” ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน สร้างโอกาสความเป็นไปได้ทางด้านการเงิน และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนสำหรับภาคธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวม
คุณเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวในโอกาสครบรอบ 80 ปีของกรุงศรี และก้าวสู่ปีที่สองของแผนธุรกิจระยะกลาง (Medium-Term Business Plan: MTBP) ฉบับปัจจุบัน ซึ่งครอบคลุมปี 2567-2569 ว่า
"เราได้ย้อนทบทวนถึงการเดินทางตลอดระยะเวลากว่า 80 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสร้างขึ้นจากความไว้วางใจ นวัตกรรม และความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ คุณค่าเหล่านี้ได้นำพาเรามาถึงจุดที่เรายืนอยู่ในวันนี้ นับจากนี้และอนาคตข้างหน้า เราจะขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นที่มากกว่าเดิมเพื่อสร้างอนาคตที่ประเด็นเรื่องความยั่งยืนและดิจิทัลเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่การเติบโต “Shaping Future Together” หรือคำว่า “ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน” เป็นมากกว่าแค่แนวคิด และมีนัยครอบคลุมหลากหลายมิติ ไม่ใช่หมายความถึงอนาคตของกรุงศรีเท่านั้น แต่หมายถึงอนาคตของลูกค้าและสังคมอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นการบอกให้เราทุกคนลงมือทำ และมุ่งเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชันทางการเงินใหม่ ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ ผู้คน และชุมชน ไม่เพียงในประเทศไทย แต่ยังรวมถึงทั่วภูมิภาคอาเซียนและอื่น ๆ ด้วย”
กรุงศรีเติบโตอย่างสมดุลในปี 2567 ด้วยผลกำไรสุทธิจำนวน 29,700 ล้านบาท สะท้อนถึงความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจแม้ต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งในด้านความยั่งยืนและการเงินที่รับผิดชอบสะท้อนให้เห็นผ่านการเป็นผู้นำทั้งในด้าน ESG และการเงินเพื่อความยั่งยืน เช่นเดียวกับการลงทุนในดิจิทัลโซลูชันและเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง รวมทั้งการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มข้น โดยความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย
ความมุ่งมั่นของกรุงศรีไม่เพียงบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับธุรกิจหลัก (Core Business) แต่ยังมุ่งเสริมสร้างสังคมที่ยั่งยืน ซึ่งขมวดทั้งเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมไว้ด้วยกันและยึดโยงกันอย่างแนบแน่น โดยกรุงศรีกำหนด วิสัยทัศน์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Krungsri Net Zero Vision) ในปี 2573 ให้ความสำคัญในเรื่องการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยเหลือลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
ทั้งนี้ โครงการด้านความยั่งยืนที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จในปี 2567 รวมถึงการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางความยั่งยืนให้กับองค์กรธุรกิจ และ SME มากกว่า 500 ราย กรุงศรีทำผ่านหลักสูตร ESG Academy และ ESG Symposium ซึ่งเป็นสุดยอดการประชุมสัมมนาด้าน ESG ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืน
อีกหนึ่งโครงการด้านความยั่งยืนที่สำคัญในปีที่ผ่านมาของกรุงศรี คือ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยการนำเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงานมาใช้ในกระบวนการทำงาน โครงการลดปริมาณขยะ และการใช้พลังงานทางเลือก
การขยายเครือข่ายธุรกิจของกรุงศรีในอาเซียนได้สร้างความแข็งแกร่งในการเป็นสถาบันการเงินชั้นนำแห่งภูมิภาคอย่างชัดเจน ปัจจุบันเครือข่ายของกรุงศรีครอบคลุมไปยังประเทศต่าง ๆ ประกอบด้วย สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งให้บริการลูกค้ารวมกว่า 19 ล้านราย ในปี 2567 ที่ผ่านมา กรุงศรียังได้เปิดให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่านคิวอาร์โค้ด (QR Cross-Border Payment) ให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้ใน 8 ประเทศ ซึ่งรวมถึงใน สปป.ลาว ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ กรุงศรี ยังขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่น-อาเซียน ผ่านการจัดงานประชุมจับคู่ธุรกิจ Japan-ASEAN Startup Business Matching 2024 ที่ช่วยสร้างโอกาสความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ ๆ ในภาคส่วนที่สำคัญหลายด้าน อาทิ HealthTech Fintech และ ESG
กรุงศรี ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลและการเติบโตที่ยั่งยืน โดยคาดว่าตลอดปี 2568 ยอดเงินให้สินเชื่อของธนาคารจะเติบโตที่ 2-4% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) คาดว่าจะอยู่ที่ 3.8-4.1% ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) จะอยู่ที่ 3.25-3.50% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (cost-to-income ratio) จะอยู่ในระดับ Mid-40s%
โดยในปีนี้ กรุงศรีเน้นการดำเนินงานในเรื่อง Corporate Transformation เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคต ผ่านกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
ในด้านการลงทุนด้านบุคลากรและเทคโนโลยี กรุงศรีมุ่งลงทุนในด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยใช้กลยุทธ์ People Xcellence ที่สนับสนุนการพัฒนาความเป็นผู้นำให้กับบุคลากร การปรับเปลี่ยนตำแหน่งงานภายในภูมิภาค และการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เท่าเทียม รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลแบงก์กิง การวิเคราะห์ข้อมูล (Data analytics) และการใช้เทคโนโลยี AI ในการพัฒนานวัตกรรมที่ใช้ความต้องการของผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง (Human-centric innovations) เพื่อยกระดับการให้บริการและประสบการณ์ลูกค้า สำหรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญ ได้แก่ Embedded Finance Solutions โซลูชันบริการทางการเงินแบบฝังตัวผ่านความร่วมมือกับแพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำ ที่ผสานเข้ากับชีวิตประจำวันของลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ ช่วยให้ลูกค้าทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้อย่างราบรื่น และสามารถใช้ชีวิตง่ายได้ทุกวันอย่างแท้จริง
“อนาคตเริ่มต้นวันนี้ ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน เราเชื่อว่าความท้าทายจะนำมาซึ่งโอกาสอันยิ่งใหญ่ พัฒนาการและการเปลี่ยนผ่านตลอดเส้นทาง 80 ปีของเราเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้เราก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืนและดิจิทัลแบงก์กิง เราจะขับเคลื่อนการเติบโตไปด้วยกัน เปิดรับนวัตกรรมและยึดมั่นในเป้าหมาย เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตง่ายได้ทุกวัน” คุณเคนอิจิกล่าวปิดท้าย