เศรษฐีพันล้านอายุน้อยที่สุดในโลก Kylie Jenner ขายหุ้นแบรนด์เครื่องสำอางตัวเองกว่า 600 ล้านเหรียญ

Kylie Jenner ผู้ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีระดับพันล้านอายุน้อยที่สุดด้วยธุรกิจเครื่องสำอางมูลค่ากว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ขายหุ้น 51% ของ Kylie Cosmetics ให้กับ Coty Inc. บริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มธุรกิจความงามเป็นเงินกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าบริษัทของ Kylie เพิ่มขึ้นแตะ 1.2 พันล้านเหรียญ 

คาดว่าดีลนี้จะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2020 ซึ่งจะทำให้ Coty กลายเป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนา ผลิตและจัดจำหน่ายแบรนด์ Kylie Cosmetics สู่ตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศต่อไป

Kylie Jenner คอนเฟิร์มข่าวนี้ด้วยตัวเองบน Twitter ว่า "ฉันตั้งตารอเห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้นกับแบรนด์ Kylie Skin และ Kylie Cosmetics หลังจากนี้ ฉันตื่นเต้นมากที่ได้พาร์ทเนอร์กับ Coty Inc. เพื่อขยายแบรนด์ของฉันไปสู่ตลาดทั่วโลกมากขึ้น ซึ่งนี่มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น"

นอกจากนี้ Coty ยังจะเป็นผู้ได้รับสิทธิในการขายผลิตภัณฑ์สกินแคร์ น้ำหอม และ ผลิตภัณฑ์ทำเล็บของ Kylie Cosmetics ด้วย 

"Coty และ Kylie จะทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดทิศทางของการร่วมมือในครั้งนี้ โดยตั้งเป้าที่การขยายฐานแบรนด์สู่ตางประเทศทั่วโลก และออกผลิตภัณฑ์ความงามประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้น"

สำหรับ Coty ปัจจุบันมีแบรนด์เครื่องสำอางในเครือมากมาย เช่น CoverGirl, Rimmel London, Marc Jacobs, Gucci และ Mui Mui 

อ้างอิง refinery29

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Ant Group ใช้ชิปจีน ฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ แรงเทียบ Nvidia แต่ต้นทุนถูกลง 20%

Ant Group ใช้ชิปจีนเทรนโมเดล AI ขนาดใหญ่ 1 ล้านล้านโทเคน ด้วยงบเพียง 5.1 ล้านหยวน หรือราว 25 ล้านบาท ลดต้นทุนกว่า 20% เมื่อเทียบกับการใช้ชิป Nvidia พร้อมเปิดตัว Ling-Plus และ Ling-...

Responsive image

Spotify เปิดตัวเพลย์ลิสต์ใหม่ ‘Concerts Near You’ ตัวช่วยค้นหาคอนเสิร์ต

Spotify เปิดตัวเพลย์ลิสต์ใหม่ “Concerts Near You” ช่วยให้คนฟังเช็กคอนเสิร์ตใกล้ตัวได้ง่ายขึ้น ทุกวันพุธเพลย์ลิสต์นี้จะอัปเดต 30 เพลงจากศิลปินที่กำลังจะมาแสดงในพื้นที่ พร้อมลิงก์ซื้...

Responsive image

Elon Musk กับแรงกดดันลาออกจาก Tesla: สรุปประเด็นสำคัญ

Elon Musk กำลังเผชิญแรงกดดันจากนักลงทุนให้ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของ Tesla หลังทุ่มเวลาให้บทบาททางการเมืองใน DOGE และสร้างภาพลักษณ์ที่ส่งผลลบต่อยอดขาย หุ้น และแบรนด์...