LINE แพลตฟอร์มที่ทุกคนคุ้นเคยเพราะเรียกได้ว่าอยู่ในทุกมิติการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นสั่งอาหาร แชทกับเพื่อน สื่อสารเรื่องงาน รวมไปถึงซื้อสินค้า นอกจากเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมประจำวันแล้ว ยังมีอีกมุมหนึ่งที่กำลังน่าสนใจอย่างมากคือ LINE for Business เนื่องจากปัจจุบัน LINE จัดเป็นเครื่องมือสื่อสารทางธุรกิจที่สำคัญกับผู้ประกอบการจำนวนมาก ทุกคนต่างได้เห็นบริการใหม่ ๆ เพื่อการซื้อสินค้าที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ที่ช่วยให้ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกที่สุด
ในปัจจุบัน เมื่อมีการพัฒนาทางเทคโนโลยีและการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างมากมาย นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในการทำธุรกิจและการตลาดที่หากเข้าใจหรือคาดการณ์ผู้บริโภคผิดไปเพียงนิดเดียว ก็อาจทำให้ผู้บริโภคหันไปเลือกสินค้าหรือบริการของเจ้าอื่นได้ทันที
หนึ่งในสิ่งที่ทรงพลังอย่างมากในการทำธุรกิจปัจจุบัน ก็คือ Data ขุมทรัพย์ใหม่ที่ทุกธุรกิจอยากจะครอบครองเพราะถือเป็นหนึ่งในวิธีการที่จะเข้าใจผู้บริโภคได้อย่างดี และยังช่วยในด้านการตลาดให้มีประสิทธิภาพได้อีกด้วย
และเพื่อเป็นการตอกย้ำการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อธุรกิจ ล่าสุด ทาง LINE ได้มีการจัดงาน THAILAND NOW AND NEXT: PREPARING FOR THE CHANGING WORLD ชวนนักธุรกิจมาเสริมความรู้ด้านดิจิทัลเพื่อเตรียมพร้อมกับพฤติกรรมใหม่ ๆ ของผู้บริโภคหลังสถานการณ์ COVID-19 พร้อมเจาะลึกการทำการตลาดแบบ Data Driven และนำเสนอ Solution ใหม่จาก LINE ให้กับทุกธุรกิจ
ทาง LINE ได้มีการชวนนักการตลาดและตัวแทนเอเจนซี่ชั้นนำในประเทศไทยมาร่วมพูดคุยถึงการทำการตลาดแบบ Data-Driven โดยมีคุณราชศักดิ์ อัศวศุภชัย Managing Director จาก IPG Mediabrands คุณอนันฑ์ ตีระบูรณะพงษ์ Vice Executive Data & Innovation Director จาก Data First และ คุณชาญชัย พงศนันทน์ Deputy Head of Performance Marketing จาก Dentsu International (Thailand) มาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์
คุณอนันฑ์ ตีระบูรณะพงษ์ จาก Data First เล่าว่า “ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นได้ชัดว่าผู้คนหันมาใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น นี่คือสัญญาณว่าเราจะได้เห็นข้อมูลของลูกค้าได้ง่ายขึ้นด้วย จุดนี้เองทำให้ฝั่งของธุรกิจสามารถมองเห็นพฤติกรรมลูกค้าได้ผ่านการใช้งานต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ และนำมาสู่การทำผลิตภัณฑ์บริการ รวมถึงการวางแผนการตลาดที่เหมาะสม โดยสิ่งที่ธุรกิจให้ความสนใจก็คือ
ด้านคุณชาญชัย พงศนันทน์ จาก Dentsu ให้ความเห็นไว้ว่า “Data ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำสื่อและโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น หลายธุรกิจเริ่มมีการนำเอาข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหาทิศทางในการเข้าถึงลูกค้า และวางแผนกลยุทธ์ และการซื้อสื่อต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”
“ทุกวันนี้เอเจนซี่ต่างพร้อมที่จะเป็น Data Driven และจัดเก็บ Data ได้อย่างครบวงจร อีกทั้งยังถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับ ด้านนักการตลาดเองก็ตื่นตัวอย่างมาก เราได้เห็นกลุ่มสินค้าให้ความสำคัญในการจัดเก็บ Data และนำมาใช้ประโยชน์ เหมือนที่หลายคนบอกว่า Data is the new oil ยิ่งมีเยอะยิ่งมีประโยชน์
ปัจจุบันมีการทำ Personalization ค่อนข้างมากในกลุ่มธุรกิจ เพราะคนเรามีความชอบที่แตกต่างกัน เราจะเห็นได้ว่าหนึ่งผลิตภัณฑ์มีการสื่อสารในหลายแง่มุมเพื่อให้ตอบโจทย์คนทุกคน” คุณราชศักดิ์ อัศวศุภชัย จาก IPG Mediabrands เสริม
“ความท้าทายในการใช้ Data ในการทำการตลาด คือ แบรนด์ไม่สามารถระบุวัตถุประสงค์ หรือความต้องการที่ชัดเจนได้ ทำให้การนำ Data ไปใช้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง” คุณชาญชัย จาก Dentsu เห็นว่าการตั้ง Objective อย่างชัดเจนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่ว่าจะมีข้อมูลมากแค่ไหน หากไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนก็จะไม่เกิดประโยชน์
อีกความท้าทาย คือ การทำ Data Planning ต้องสามารถระบุการใช้งานได้ว่าเป็นแบบ Short term หรือ Long term และจะนำไปใช้ในแง่ไหน เพื่อเอเจนซี่จะสามารถนำไปวางแผนการสื่อสารต่อได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
ในขณะที่คุณอนันฑ์ Data First เสริมว่า “ข้อมูลที่เป็นจริงก็เป็นอีกความท้าทายหนึ่ง ทำอย่างไรให้ลูกค้ากรอกข้อมูลที่เป็นจริงให้กับเรา ดังนั้นต้องมีการสร้างเทคนิคเพื่อให้ธุรกิจได้รับข้อมูลจริง เพราะหากข้อมูลผิดเราจะไม่สามารถวิเคราะห์การตลาดได้อย่างตรงจุด เอเจนซี่ต้องการ Data ที่ถูกต้องซึ่งจะช่วยให้เกิดการตลาดที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น กฏหมายพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ที่กำลังจะบังคับใช้ จะเข้ามามีบทบาททั้งทางธุรกิจและเอเจนซี่ เราต้องตรวจสอบ Data ว่ามีความถูกต้องไหมในการจัดเก็บ และมีการยินยอมจากผู้บริโภคอย่างชัดเจน และข้อมูลที่ได้รับจาก Third Party จะต้องมีคววามชัดเจนในการสร้างข้อตกลงร่วมกันว่าส่วนใดใช้ได้บ้าง อย่างไรก็ตาม PDPA คือข้อดีในการเข้ามารักษากติกาสากล ทำให้ทั้งฝั่งผู้ผลิตสื่อและผู้บริโภคมีความสบายใจ”
สุดท้ายนี้ทั้งสามท่านมองว่ากลยุทธ์ Data-Driven จะเข้ามาเป็นโอกาสใหม่ที่สำคัญในการทำการตลาด เอเจนซี่จึงควรเข้ามาช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการทำการตลาดผ่านการใช้ Data หลายเอเจนซี่เริ่มมีการสร้างหน่วยงานด้าน Data เพื่อมาทำงานควบคู่ไปกับการทำการตลาด และยังพัฒนาแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อช่วยในการวางแผนสื่อ วางกลยุทธ์ และประเมินงบประมาณการซื้อสื่อ
ต่อจากนี้นักการตลาดจะทำงานอยู่บนพื้นฐานในการใช้งาน Data มากขึ้น เพราะมีความแม่นยำกว่าการใช้ Gut Feeling แบบเดิม ๆ เราจะเริ่มเห็นการตลาดแบบ Data-Driven เพราะฉะนั้นยิ่งใครมาข้อมูลมากก็มีโอกาสมาก เพราะข้อมูลไม่เคยโกหกเรา การมี Data จะช่วยบอกเราว่านักการตลาดควรทำงานไปในทิศทางใด นอกจากนี้เอเจนซี่ก็ต้องหา Data Partner ที่ดีให้กับลูกค้าด้วย
อย่างที่เห็นกันแล้วว่า ต่อจากนี้ กลยุทธ์ Data-Driven จะกลายมาเป็นเทรนด์สำคัญที่ทุกธุรกิจต้องเดินไป LINE จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์มให้สามารถรองรับกับการนำข้อมูลมาใช้เพื่อเป็นตัวช่วยธุรกิจ โดย คุณวีระ เกษตรสิน Director of Engineering and Product Manager Lead จาก LINE Thailand ได้นำเสนอตัวช่วยธุรกิจของ LINE ได้แก่
Business Manager - ที่ผ่านมาในการทำการตลาดในช่องทางต่าง ๆ ของ LINE อย่าง LINE OA, LINE LAP นั้นจะมี Pain point ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอคือ การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างช่องทางต่าง ๆ ซึ่ง Business Manager จะเข้ามาช่วยเติมเต็มการทำงานในส่วนนี้ในการเป็นตัวกลางที่ช่วยแชร์ข้อมูลข้ามกัน ทำให้เกิดความหลากหลายในการประยุกต์ใช้ข้อมูล อีกทั้งยังมีแผนที่จะนำ Business Manager มาปรับใช้กับ MyCustomer เครื่องมือที่ใช้สำหรับดูแลและจัดการกับ First-party Data ของลูกค้าเองได้ในอนาคตอีกด้วย โดย Business Manager จะเริ่มเปิดให้แบรนด์เริ่มใช้งานได้ในเดือนเมษายนนี้
Enrich LAP Data with AI - นำ AI มาใช้งานและขับเคลื่อนข้อมูลที่อยู่ภายใต้ LINE Ads Platform (LAP) เพื่อให้ AI ทำการเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งานและสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้ ซึ่ง LAP ถือเป็นหนึ่งเครื่องมือสำคัญของ LINE ที่จะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นแผนระยะยาว
MyShop Open API - จากสถานการณ์ COVID-19 เราได้เห็นว่า ทุกธุรกิจผันตัวมาสู่รูปแบบออนไลน์ ธุรกิจใหญ่ ๆ จำนวนมากเองที่เพิ่งปรับตัวเข้าสู่ออนไลน์มักประสบปัญหาฐานข้อมูลที่มีไม่มากนักใน LINE เพราะมีข้อมูลในระบบอื่นมากกว่า LINE จึงมีการเปิด API ให้ใช้งานเพื่อนำข้อมูลและระบบอื่นๆ มาเชื่อมต่อเข้าสู่ MyShop โดยครอบคลุมทั้งข้อมูลสินค้าด้วย Product API ข้อมูลสต็อกสินค้าด้วย Inventory API และข้อมูลคำสั่งซื้อด้วย Order API
Facebook Integration on MyCustomer - ในอนาคตจะมีการเปิดให้ธุรกิจสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจาก Facebook Page มาใช้ใน MyCustomer เพื่อช่วยให้เรารู้จักลูกค้ามากขึ้นและสามารถทำการตลาดได้อย่างตรงจุด ปัจจุบันนี้กำลังอยู่ในขั้นพัฒนาและเปิดตัวใช้งานในเร็ว ๆ นี้
สำหรับเครื่องมือด้าน Data ที่ทาง LINE ได้พัฒนาออกมาล่าสุดก็คือ Business Manager จัดเป็น Data Utilization Platform ผู้ช่วยที่จะเข้ามาจัดการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง LINE Official Account (LINE OA) กับ LINE Ads Platform (LAP) ที่ใช้งานง่าย ผู้ใช้งานสามารถนำข้อมูลจากบัญชี LINE OA และบัญชี LAP มาแลกเปลี่ยนกัน อาทิ ข้อมูลจาก Chat Tag จำนวนการคลิกลิงก์ จำนวนการเข้าถึงโฆษณา เป็นต้น เพื่อนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการยิงโฆษณาบน LAP และการส่งข้อความหากลุ่มเป้าหมายบน LINE OA นอกจากนั้น ยังสามารถแชร์ข้อมูลในลักษณะนี้ระหว่าง LINE OA หลายบัญชี ซึ่งจะทำให้แบรนด์ที่ใช้งาน LINE OA หลายบัญชี สามารถนำข้อมูลที่มีทั้งหมดมารวมศูนย์อยู่ใน Business Manager และนำไปใช้งานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นักการตลาดสามารถใช้งาน Business Manager ได้ง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอน
ที่สำคัญ นักการตลาดสามารถใช้งาน Business Manager ได้อย่างวางใจ เพราะได้ถูกพัฒนาขึ้นให้สอดคล้องกับกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ทุกธุรกิจได้จะเป็นไปตามข้อบังคับที่กำหนดในด้านข้อมูลส่วนบุคคลแน่นอน
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลอัดแน่นจากทาง LINE ที่มาพร้อม Data Solution ที่ทุกธุรกิจไม่ควรพลาด สำหรับใครที่สนใจก็เตรียมตัวรอใช้งาน Business Manager ในเดือนเมษายนนี้กันดูได้เลย
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด