
Lumentum บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่เพื่อขยายฐานการผลิต พร้อมจัดตั้งศูนย์วิจัยและออกแบบชิปแห่งใหม่ในประเทศไทย โดยเน้นไปที่ชิปประเภทโฟโตนิกส์ (Photonics) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ประมวลผลด้วยแสง มีความเร็วสูงและประหยัดพลังงาน เพื่อรองรับความต้องการมหาศาลในอุตสาหกรรม AI, ไฟเบอร์ออปติก และดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลก
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยหลังการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของ Lumentum ว่า แผนการลงทุนนี้ถือเป็นการยกระดับบทบาทของประเทศไทยใน Supply Chain เซมิคอนดักเตอร์โลกอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจุบันตลาดชิปโฟโตนิกส์มีมูลค่ากว่า 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตขึ้นเป็นสองเท่าภายใน 5 ปีข้างหน้า การที่ Lumentum เลือกไทยเป็นฐานการผลิตและวิจัยชิปแห่งอนาคตนี้ จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญของประเทศ
จริงๆ แล้ว Lumentum เข้ามาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2560 ผ่านบริษัท ลูเมนตั้ม อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ณ เขตอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 20,000 ล้านบาท มีการจ้างงานบุคลากรไทยกว่า 6,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์กว่า 700 คน
ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีการส่งออกผลิตภัณฑ์จากฐานการผลิตในไทยมูลค่าสูงถึง 14,000 ล้านบาท และคาดว่าตัวเลขจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 2 เท่าในปีนี้

โครงการล่าสุดที่ได้รับการอนุมัติจาก BOI คือการขยายโรงงานผลิตชิปแหล่งกำเนิดแสงพลังงานสูง ด้วยเงินลงทุนกว่า 2,300 ล้านบาท ซึ่งชิปดังกล่าวเป็นส่วนประกอบสำคัญในอุปกรณ์ที่ต้องการความแม่นยำและการประมวลผลสูง เช่น หน่วยประมวลผลสำหรับ AI, เซ็นเซอร์เลเซอร์ในเครื่องมือแพทย์ ไปจนถึงระบบในรถยนต์อัจฉริยะ
ศูนย์วิจัยและออกแบบชิปโฟโตนิกส์แห่งใหม่นี้ จะมาพร้อมกับกรลงทุนในสายการผลิตต้นแบบ รวมถึงการลงทุนในห้องปฏิบัติการทดสอบความเสถียร และซอฟต์แวร์ขั้นสูง ซึ่งจะสร้างงานให้แห่วิศวกรและบุคคลากรทักษะสูงของไทยจำนวนมาก
นอกจากนี้ Lumentum จะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยชั้นนำของไทย เพื่อพัฒนาหลกสูตรเทคโนโลยีชิปโฟโตนิกส์โดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นการสร้างบุคคลากรรุ่นใหม่เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมชิปแห่งอนาคตได้อย่างยั่งยืน
BOI ระบุว่า การลงทุนของ Lumentum นับเป็นการช่วยวางรากฐานอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไทยมาโดยตลอด ซึ่งการตั้งศูนย์วิจัยและออกแบบชิปเต็มรูปแบบแห่งแรกในไทยครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญ และจะช่วยยกระดับประเทศจากผู้ประกอบและทดสอบชิป สู่การออกแบบและสร้างนวัตกรรม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย ‘ชิปเมดอินไทยแลนด์’
อ้างอิง : BOI
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด