
Tim Friede ชายชาววิสคอนซิน ผู้ใช้เวลากว่า 10 ปีเลี้ยงงูพิษถึง 16 สายพันธุ์ไว้ที่บ้าน แล้วฉีดพิษเข้าไปในร่างกายตัวเองเพื่อสร้างภูมิต้านทาน เป้าหมายของเขามีเพียงอย่างเดียว คือพิสูจน์ให้ได้ว่ามนุษย์สามารถ “เอาชนะพิษงู” ได้หรือไม่
วันนี้เลือดของเขาได้กลายเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาเซรุ่มต้านพิษงูรุ่นใหม่ ที่มีศักยภาพในการรักษาพิษงูจากหลายสายพันธุ์ได้ในคราวเดียว
จากรายงานทีมนักวิจัยจากบริษัท Centivax ในซานฟรานซิสโก และคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ได้พัฒนาเซรุ่มต้นแบบที่สามารถป้องกันหนูทดลองจากพิษของงูอันตรายถึง 13 ชนิดได้อย่างสมบูรณ์ และยังให้การปกป้องบางส่วนจากงูอีก 6 ชนิด งูเหล่านี้รวมถึงงูพิษร้ายแรงอย่าง แบล็กแมมบา และ คิงโคบร้า ด้วย
หนึ่งในหัวใจของงานวิจัยนี้คือการใช้ แอนติบอดีที่สกัดจากเลือดของ Friede ผสมกับยา varespladib ซึ่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งพิษงู ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเซรุ่มแบบใหม่ที่ไม่พึ่งโปรตีนจากสัตว์อย่างม้า หรือแกะเหมือนในอดีต
Friede เริ่มทดลองกับตัวเองตั้งแต่ปี 2001 โดยสั่งงูพิษจากทั่วโลกมาที่บ้าน เขาจะรีดพิษออกจากเขี้ยวงู นำไปแห้ง แล้วละลายน้ำเกลือ ก่อนฉีดเข้าแขนตัวเองในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นจึง “ยอมให้กัดจริง”
กว่า 200 ครั้งที่เขาถูกงูกัด และมากกว่า 12 ครั้งที่เขาต้องเผชิญกับภาวะช็อกจากภูมิแพ้รุนแรง (anaphylactic shock) จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
Jacob Glanville ผู้ก่อตั้ง Centivax กล่าวถึงช่วงที่พบ Friede ครั้งแรกว่า “ผมบอกเขาเลยว่า ผมอยากได้เลือดคุณ”
จากเลือดของเขา นักวิจัยคัดเลือกแอนติบอดีที่แข็งแรงที่สุดมาสร้างเป็นเซรุ่มต้นแบบ และพบว่าการใช้ร่วมกันสองตัวมีประสิทธิภาพสูงสุดในการต้านพิษในหนูทดลอง
ปัจจุบันมีผู้ถูกงูกัดทั่วโลกมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี และกว่า 100,000 คนเสียชีวิตจากพิษงู โดยพิษเหล่านี้สามารถทำลายเนื้อเยื่อ เป็นอัมพาต หรือหยุดหัวใจได้
แต่เซรุ่มที่มีในปัจจุบันมักใช้ได้เฉพาะกับงูบางชนิดเท่านั้น อีกทั้งยังผลิตยาก แพง และบางครั้งทำให้ผู้ป่วยแพ้โปรตีนจากสัตว์
แนวทางใหม่นี้มีความหวังว่าจะช่วยให้ ไม่ว่าจะโดนงูชนิดใดกัด ก็สามารถใช้เซรุ่มเดียวกันได้ ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าการรักษาพิษงูทั่วโลก
ในวันนี้ Tim Friede ไม่ใช่แค่คนธรรมดาอีกต่อไป เขากลายเป็น ผู้อำนวยการฝ่ายเฮอร์เพโทโลยี (Herpetology Director) ของ Centivax มีบทบาทในงานวิจัยด้านงูและพิษงูโดยตรง “เขาคือแหล่งข้อมูลสำคัญของเรา” Glanville กล่าว และเลือดของเขา..อาจกลายเป็นต้นทางของเซรุ่มที่ช่วยชีวิตคนทั่วโลกในอนาคต
อ้างอิง: wsj
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด