นับเป็นปีที่ 3 แล้วที่ บริษัท อีโวลูชั่น เวลล์เนสส์ (ประเทศไทย) จำกัด (Evolution Wellness) บริษัท แม่ของ Fitness First และ Celebrity Fitness, GoFIT แบรนด์ฟิตเนสใหม่ในประเทศไทย ได้คว้ารางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทย (Kincentric Best Employers Thailand 2019) โดยโครงการค้นหานายจ้างดีเด่นประเทศไทยเป็นโครงการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างบริษัท คินเซนทริค ประเทศไทย และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทาง Techsauce ได้มีโอกาสนั่งสนทนากับ Mark Buchanan กรรมการผู้จัดการ บริษัท Evolution Wellness ถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลนี้ อีกทั้งไปฟัง secret sauce ของบริษัทนี้กันว่าทำอย่างไรถึงได้ครองรางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน Evolution Wellness Asia กลายเป็นผู้ให้บริการด้านการออกกำลังกายที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยจำนวน 166 สโมสร ใน 6 ประเทศอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฮ่องกง และไทย มีสมาชิกมากกว่า 375,000 คน และพนักงานมากกว่า 6,000 คน โดยรวมแล้วสมาชิกจะเข้ามาใช้บริการมากกว่า 25 ล้านครั้งต่อปี
"เรารู้สึกเป็นเกียรติและดีใจอย่างมากที่ได้รับรางวัล Kincentric Best Employers ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3" Mark กล่าว
"เมื่อ 7-8 ปีก่อน เราได้เรียนรู้ว่าหากเราอยากที่จะเติบโตด้วยความเร็วเดิมในอัตราของพนักงานที่มี เราก็จะเป็นเพียงบริษัทจัดหางานทั่วไป ซึ่งหมายความว่า เราจะไม่สามารถโตได้ อีกทั้งไม่สามารถทำอะไรที่มันเซ็กซี่ในแวดวงฟิตเนสอย่างการสร้างโปรแกรมหรือประสบการณ์ใหม่ หรือแตกแบรนด์ใหม่ ซึ่งนั่นไม่ใช่วิธีการทำธุรกิจที่ยั่งยืน จึงเป็นสัญญาณว่านี่ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องปรับ"
อุตสาหกรรมฟิตเนสทั่วโลกมี talent มากมาย ซึ่งก็เป็นเรื่องง่ายที่จะหาคนเข้าทำงาน แต่สถานการณ์ในประเทศไทยต่างออกไป ทั้งอัตราการว่างงานต่ำ ช่องว่างทางทักษะ การวางแผนเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ จากระบบการศึกษาสู่ระบบการจ้างงาน ไปจนถึงการมีชุดความคิดแบบเก่าแก่ อย่างการที่ผู้ปกครองไม่ต้องการให้บุตรหลานจบการศึกษาแล้วเริ่มเส้นทางในอุตสาหกรรมฟิตเนส สิ่งเหล่านี้ท้าทายธุรกิจของเรามาก เราจำเป็นที่จะต้องรักษา talent ไว้ หากต้องการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกมธุรกิจของเรา หลักๆ เกี่ยวข้องกับ 'คน'
เพื่อเป็นการเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ เมื่อ 7-8 ปีก่อนเราได้พัฒนาโปรแกรมพัฒนาพนักงานในประเทศไทยโดยเฉพาะ และเมื่อ 3 ปีก่อนเราได้สมัครเข้าร่วมโครงการนี้เป็นครั้งแรก เหมือนกับว่านี่เป็นสัญญาณบอกว่าเรามาถูกทางแล้ว
เราได้พยายามลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง รวมถึงการลองทำตามวิธีการเดิม อย่างการลดวันทำงานลง จาก 6 วัน เหลือ 5 วันต่อสัปดาห์ หรือการปรับสัดส่วนของเงินเดือนต่อค่าคอมมิชชั่น แต่นั่นไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไร
แม้จะฝึกฝนพนักงานเหมือนอย่างที่องค์กรอื่นทำ อย่างการทำหลักสูตร On Boarding Program ไปจนถึงการเขียนโปรแกรม แม้พนักงานของเราต้องการ แต่นั่นก็ยังไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรอยู่ดี เราต้องสร้างอะไรที่ยั่งยืนมากกว่านี้
จึงเกิดเป็นโปรแกรมที่ให้จะอำนาจพนักงานได้แสดงศักยภาพ ที่ทั้งเราและสมาชิกได้ประโยชน์ร่วมกัน ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จคือแคมเปญ Fitness First Superstar ซึ่งมีผลต่อสตาฟที่อยากจะพัฒนาตัวเองเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ละคนอาจมีความเก่งในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วอยากจะพัฒนามัน นี่เป็นพื้นที่ให้พวกเขาได้แสดงศักยภาพนั้นออกมาโดยไม่จำกัดตำแหน่งหน้าที่
ผลงานที่ประสบความสำเร็จโดยคนของ Fitness First คือคลาส Muay Fight Pro by Buakaw การออกกำลังรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานการชกแบบแม่ไม้มวยไทย ก็เป็นอีกโปรแกรมที่ Talent ของที่นี่ได้สร้างขึ้น โดยพวกเขายอมลงแรงการทำงานเพิ่มจากชั่วโมงปกติ อีกทั้งยังได้ค่าตอบแทน ซึ่งนี่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับบางคน ผู้ที่เป็นเจ้าของผลงานก็ได้ทั้งการยอมรับจากคนรอบข้าง ได้รางวัลตอบแทน และไม่มีใครสามารถทำแทนได้ พวกเขาได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ไปแล้ว
เมื่อเกมธุรกิจของหลักเกี่ยวกับ 'คน' การบริหาร Passion ของพนักงานอยู่เสมอจึงเป็นกุญแจสำคัญของการทำธุรกิจที่ยั่งยืน
ต่อมาคือสร้างทีมพัฒนาการเรียนรู้ ทำตามแนวทางที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะในเส้นทางใดเราได้พยายามสร้างสิ่งที่ยั่งยืน โดยที่เราไม่ต้องควบคุมบริหารจัดการมากเกินไป หากพนักงานลงแรงกับมันมากเท่าไร พวกเขาก็จะได้มากเท่านั้น
แม้ว่าพนักงานจะมีความสุขกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอยู่แล้ว แต่การที่มีอะไรที่ท้าทาย พวกเขาก็จะไม่มีวันเบื่อ นี่คือสิ่งที่เราทำเพื่อรักษาพนักงานรุ่นใหม่ไว้ และตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมไม่ได้ทำ เนื่องจากมีราคาแพงและยากที่จะลอกเลียนแบบ หลายบริษัทอาจจะทำหลักสูตร On Boarding Program แต่เราทำมากกว่านั้น นี่ได้สร้างความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรมหรือการฝึกอบรมทางวัฒนธรรมเลย
เหตุผลที่เราคิดว่าการฝึกอบรมทางวัฒนธรรมนั้นไม่จำเป็น ก็เนื่องจากหัวใจของผลิตภัณฑ์ทุกอย่าง ทุกโปรแกรมที่เราสร้างขึ้น นั่นก็เพียงพอและตอบโจทย์คุณค่าขององค์กร ทุกอย่างที่เราสร้าง จะตั้งคำถามก่อนว่า สิ่งนี้ตรงคุณค่าของเราหรือไม่? ใช้ได้ดีกับวิธีการทำงานของเราไหม? หากไม่เป็นเช่นนั้นมันจะไม่ยั่งยืน และถ้ามันดีแล้ว แน่นอนว่าทุกคนจะทุ่มเทให้มากขึ้นและทำมันต่อไป
ให้อำนาจพนักงานในการตัดสินใจ เมื่อพวกเขาเริ่มมีความเชี่ยวชาญในบทบาทที่พวกเขาได้รับ ก็จะสามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมจากตรงนั้นได้ โดยที่เราไม่ต้องเข้าไปควบคุมหรือกดดันเลย
สิ่งต่อมาที่เราทำคือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่อนุญาตให้พนักงานรุ่นใหม่สามารถทำผิดพลาดได้ แน่นอนว่าพนักงานรู้ว่าพวกเขาควรจะทำอะไร ทำอย่างไร ในระยะเวลาเท่าไร อีกทั้งกลุ่มเป้าหมายก็ชัดเจน การอนุญาตให้พวกเขาได้ลองผิดลองถูกก็สำคัญเช่นกัน
ก่อนที่จะลงมือทำโปรเจคอะไรก็ตาม เราจะมีเช็คลิสต์ 3 ข้อ พนักงานต้องตอบให้ได้ก่อนว่า สิ่งที่กำลังจะทำส่งผลดีต่อพนักงานหรือไม่ มันส่งผลดีต่อสมาชิกฟิตเนสไหม และสุดท้ายคือมันส่งผลดีต่อธุรกิจหรือเปล่า
ถ้าหากคำตอบคือ 'ใช่' ในทุกข้อ ก็ไม่มีทางที่จะผิด ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม พนักงานจะต้อง 'ตัดสินใจด้วยตัวเอง‘ มันจะมีเรื่อง 10 สิ่งที่พนักงานควรทำ หนึ่งในนั้นก็คือการให้อำนาจพนักงานในการตัดสินใจราวกับว่าพวกเขาเป็นกรรมการผู้จัดการหรือซีอีโอ หรือที่เราเรียกว่า ‘Managing director power/ CEO power’ น่ะครับ แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาไม่เป็นแบบที่คิดไว้ เราก็จะบอกว่าคราวหน้าให้ลองดูใหม่ ดังนั้นสิ่งที่ธุรกิจจะได้เมื่อคุณให้อำนาจคนกว่า 2,000 คนในการตัดสินใจในหน้าที่ของพวกเขา ก็จะทำให้ทุกอย่างคล่องตัวและรวดเร็ว เราสามารถวัดอัตราการเติบโตได้เลย
เมื่อธุรกิจเริ่มสเกล เราตัดสินใจเริ่มปรับ ทั้งการสร้างพื้นที่ให้ Talent ได้แสดงศักยภาพ เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้และลองผิดลองถูก ซึ่ง 'คน' คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ
ร่วมสนทนาและรับประทานอาหารค่ำกับผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำอย่าง Mark Buchanan กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีโวลูชั่น เวลล์เนสส์ (ประเทศไทย) จำกัด, คุณชุติมา สีบำรุงสาสน์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) และ Michelle Duval ผู้ก่อตั้ง Fingerprint for Success (F4S) หัวข้อ “Igniting Cultural Transformation for Organizations: Turning Talk into Action" วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562 เวลา 18:30-21:00 น. ณ ห้อง Galleria 2-3 โรงแรม เอส 31 สุขุมวิท กรุงเทพฯ
*หมายเหตุ: Session นี้สำหรับผู้ที่ซื้อบัตรเข้างานจำนวน 5 ใบขึ้นไปเท่านั้น โดยท่านสามารถส่งตัวแทนผู้บริหารระดับ C-Level มาได้ 1 ท่านเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด