
AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่แฝงอยู่ในทุกบริบทของชีวิต ตั้งแต่การทำงาน การศึกษา ไปจนถึงความบันเทิง คำถามสำคัญคือ "คนไทยพร้อมรับมือและใช้งาน AI อย่างไรให้ปลอดภัยและสร้างสรรค์?
ล่าสุด Meta (Facebook ประเทศไทย) ได้จับมือกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดตัวหลักสูตร AI Literacy (ความฉลาดรู้ทางดิจิทัลด้าน AI) ภายใต้ชื่อวิชา "ก้าวทันปัญญาประดิษฐ์เพื่อชีวิตยุคใหม่" เพื่อเตรียมความพร้อมให้คนไทยทุกกลุ่มวัยสามารถใช้งาน AI ได้อย่างมีวิจารณญาณ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้!
Meta ประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญของโปรเจกต์นี้ว่า Meta ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม AI มาอย่างยาวนาน แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือนวัตกรรมที่ดีต้องมาพร้อมกับ ความปลอดภัย และ ความรับผิดชอบ
ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่แพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Meta ทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำอย่าง มช. เพื่อพัฒนาหลักสูตรที่ไม่ใช่แค่สอนวิธีใช้เครื่องมือแต่เน้นการสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิด เช่น การแยกแยะว่าสิ่งไหนคือ AI สิ่งไหนคือความจริง และการใช้งานอย่างมีจริยธรรม
หลักสูตรนี้ถูกออกแบบโดยกลุ่มคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Special Interest Group AI ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีประสบการณ์จริงจากการพัฒนาระบบ Mattil AI Platform (Generative AI ฝีมือคนไทย) โดยเนื้อหาแบ่งออกเป็น 5 ส่วนสำคัญ (10 ตอน ความยาวรวมประมาณ 1.5 ชั่วโมง)
ไฮไลท์สำคัญคือ หลักสูตรนี้เน้นแนวคิด ‘Think, Don't just Sync’ คือการใช้ AI โดยเน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์ ไม่ใช่แค่เชื่อข้อมูลทั้งหมดที่ได้มา รวมถึงการรู้เท่าทันภัยเงียบอย่าง Deepfake (การปลอมแปลงภาพและเสียง)
รศ. ดร.พรรัตน์ วัฒนกสิวิชช์ จากคณะวิทยาศาสตร์ มช. เน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการเรียนรู้ AI คือ Attitude หรือทัศนคติ เราต้องมองว่า AI มาช่วยให้เราทำงานเร็วขึ้น แต่ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ และผู้เรียนต้องเป็นคนคุมเทคโนโลยี ไม่ใช่ให้เทคโนโลยีคุมเรา
ด้าน ผศ.ดร.อุดมโชค อาษาวิมลกิจ จากคณะรัฐศาสตร์ มช. เสริมในมุมมองของการบริหารจัดการว่า ผู้บริหารองค์กรหรือหลักสูตรต่างๆ ควรเปิดใจและสนับสนุนให้บุคลากรได้ทดลองใช้ AI ในพื้นที่ที่ปลอดภัย เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และปรับตัว
และ อาจารย์ วรลักษณ์ อังศุวรางกูร จากคณะวิทยาศาสตร์ มช. ผู้เชี่ยวชาญด้าน Active Learning ชี้ให้เห็นว่า AI จะเข้ามาช่วยเรื่อง Personalization หรือการเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล ทำให้คนเรียนช้าและเรียนเร็วสามารถไปถึงเส้นชัยพร้อมกันได้ รวมถึงการเป็นเพื่อนคู่คิดทางอารมณ์ให้กับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องการที่ปรึกษา
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของโครงการนี้คือการเปิดกว้าง Meta ประเทศไทย ระบุว่าทาง Meta และ มช. ยินดีมอบไฟล์วิดีโอต้นฉบับ (Raw Files) และแบบทดสอบ ให้กับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน หรือโรงเรียนต่างๆ นำไป Plug-in หรือบรรจุลงในระบบ E-Learning ขององค์กรท่านได้เลยทันที โดยไม่ติดลิขสิทธิ์ (ภายใต้เงื่อนไขการใช้งานเพื่อการศึกษาและไม่แสวงหากำไร) เพื่อให้ความรู้ชุดนี้กระจายไปสู่คนไทยให้มากที่สุดและเร็วที่สุด

สำหรับนักเรียน นักศึกษา บุคลากรภาครัฐ-เอกชน และประชาชนทั่วไปที่สนใจ สามารถเข้าไป ลงทะเบียนสร้างบัญชีผู้เรียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ผ่านแพลตฟอร์ม CMU Lifelong Education และจะเริ่มเปิดระบบให้ เข้าเรียนได้ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร และเมื่อเรียนจบพร้อมทำแบบทดสอบผ่านเกณฑ์ ผู้เรียนจะได้รับ ใบประกาศนียบัตร (Certificate) จาก Meta และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเป็นการการันตีทักษะความฉลาดรู้ทางดิจิทัลยุคใหม่
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด