เคยสงสัยไหมว่าทำไม Facebook หรือ Instagram ถึงยังมีโฆษณาคริปโตปลอม, แบรนด์ผี หรือสินค้าปลอมเต็มฟีดไปหมด ? คำตอบอาจจะอยู่ในเอกสารลับของ Meta ที่เพิ่งหลุดออกมา
Reuters รายงานว่าเอกสารภายในของ Meta ชี้ว่าบริษัทคาดว่า 10% ของรายได้ปี 2024 หรือราว 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5 แสนล้านบาทมาจากโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับสแกมและสินค้าต้องห้าม
แถม Meta ยังรู้ตัวด้วยว่า ทุกวันผู้ใช้บนแพลตฟอร์มของพวกเขาเห็นโฆษณาหลอกลวงกว่า 15,000 ล้านชิ้น

ที่ช็อกยิ่งกว่าคือ เอกสารระบุว่า Meta ไม่ได้รีบแบนคนลงโฆษณาน่าสงสัย แต่กลับมีสูตรใหม่ เรียกว่า Penalty Bid คือถ้าระบบ AI คิดว่าคุณน่าจะหลอกลวงแต่ยังไม่แน่ใจ 100% ก็ไม่แบน แต่เก็บค่าโฆษณาแพงขึ้นแทน
แถมยังมีรายงานภายในชื่อว่า Scammiest Scammers จัดอันดับคนลงโฆษณาหลอกลวงประจำสัปดาห์ แต่ Reuters ตรวจเจอว่าหลายบัญชีในลิสต์นั้น…ยังคงเปิดโฆษณาอยู่ครึ่งปีหลังจากนั้น
หน่วยงานกำกับในสิงคโปร์เคยส่งรายงานตัวอย่างสแกม 146 เคสให้ Meta ตรวจสอบ ผลคือ พบว่ามีแค่ 23% ที่ละเมิดกฎจริงๆ ส่วนอีก 77% ไม่ผิดตามกฎ แต่เห็นชัดว่าหลอก
ตัวอย่างก็เช่น โฆษณาแบรนด์เนมลด 80%, งานปลอมจากบริษัทเทคใหญ่, หรือโฆษณาคริปโตที่อ้างชื่อผู้นำประเทศ หนึ่งในเอกสารถึงขั้นระบุว่ามีโฆษณาคริปโตปลอมอ้างชื่อ ‘นายกรัฐมนตรีแคนาดา’ มูลค่ากว่า 250,000 ดอลลาร์ แต่ระบบนโยบายกลับตรวจไม่พบ
Meta วางเป้าภายในว่า จะค่อยๆ ลดรายได้จากโฆษณาสแกม จาก 10.1% ในปี 2024 สู่ 7.3% ในปี 2025 และ 5.8% ในปี 2027 แต่มีข้อจำกัดว่าทีมที่ตรวจสอบโฆษณาห้ามทำให้รายได้บริษัทลดเกิน 0.15% แปลว่า แม้จะเจอสแกมเยอะแค่ไหน ก็ต้องระวังไม่ให้รายได้หายไปเกินวงเงินอนุญาต
โฆษกของ Meta, Andy Stone ตอบว่า เอกสารที่ Reuters อ้างถึงสะท้อนภาพแบบเลือกบางส่วน และตัวเลข 10% เป็นเพียงการประเมินแบบไม่ละเอียดที่รวมโฆษณาถูกกฎหมายบางส่วนเข้าไปด้วย เขายืนยันว่า Meta กำลังต่อสู้กับโฆษณาหลอกลวงอย่างจริงจัง พร้อมระบุว่าในรอบ 18 เดือนที่ผ่านมา Meta ลดรายงานผู้ใช้เกี่ยวกับสแกมลงได้ 58% และลบเนื้อหาสแกมไปแล้วกว่า 134 ล้านรายการในปี 2025
ซึ่งหน่วยงานกำกับจากทั้งสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร เดินหน้าสอบสวน Meta กรณี ปล่อยให้มีโฆษณาทางการเงินหลอกลวง ระบาดบนแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจากอังกฤษปี 2023 เผยตัวเลขช็อกโลกกว่า 54% ของความเสียหายจากสแกมด้านการชำระเงินทั้งหมดในประเทศ มาจากแพลตฟอร์มของ Meta เพียงรายเดียว ซึ่งมีการประเมินว่าหากต้องจ่ายค่าปรับกรณีนี้ อาจสูงสุดเพียง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็ถือว่ายังเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรายได้จากโฆษณาสแกมที่บริษัทโกยได้หลายเท่าตัว
อ้างอิง: reuters
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด