จับตาความสัมพันธ์เหนียวแน่น Microsoft และ OpenAI ลงทุน ChatGPT ต่อกรคู่แข่ง | Techsauce

จับตาความสัมพันธ์เหนียวแน่น Microsoft และ OpenAI ลงทุน ChatGPT ต่อกรคู่แข่ง

หลังจากสำนักข่าวต่างประเทศพากันรายงานว่า Microsoft กำลังเจรจาลงทุนในบริษัท OpenAI ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3.34 แสนล้านบาท เพื่อช่วงชิง ChatGPT AI Chatbot เสริมแกร่งให้ตัวเอง แต่รู้หรือไม่ Microsoft กับ OpenAI มีความใกล้ชิดทางธุรกิจมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ChatGPT ยังรันอยู่บนซอฟต์แวร์ Azure อีกด้วย 

จับตาความสัมพันธ์เหนียวแน่น Microsoft และ OpenAI ลงทุน ChatGPT ต่อกรคู่แข่ง

Microsoft เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่หมกมุ่นกับ AI เป็นอย่างมาก ในปี 2016 เคยสร้าง AI Chatbot ที่ชื่อว่า Tay แต่สุดท้ายก็ไม่เวิร์คอย่างที่คิดเพราะ Tay ถูกชาวทวิตเตอร์ป้อนข้อมูลผิดๆ จนกลายเป็น AI ที่ชอบเหยียดและหยาบคาย แต่ถึงอย่างนั้น Microsoft ก็เชื่อมั่นใน AI มาโดยตลอด มีการนำ AI มาปรับใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ แบบที่เราอาจจะไม่รู้ตัว เช่น ระบบเช็คไวยากรณ์ใน Word เป็นต้น 

จุดนี้ทำให้เห็นว่าการลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านดอลาร์หรือราว 3.4 แสนล้านบาท เพื่อถือครอง 49% ของ OpenAI นั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหนือความคาดหมายเลย ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ยังจะทำให้ Microsoft กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ OpenAI อีกด้วย และจำนวนเงินที่ลงทุนยังสูงกว่าการเข้าซื้อกิจการ Activision Blizzard Inc. LinkedIn รวมถึง Nuance Communications Inc อีกด้วย

Cr. Microsoft Websiteนอกจากนี้หากย้อนไทม์ไลน์แบบคร่าวๆ จะเห็นว่าทั้งสองบริษัทจทำธุรกิจและมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมานานพอสมควร  

ปี 2019  Microsoft พยายามแซงหน้า Amazon และ Google ในด้าน Cloud computing และ AI โดยเริ่มลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ ใน OpenAI ด้วยเงินสดและคลาวด์เครดิตซึ่ง ซึ่งในขณะนั้น OpenAI ยังเป็นบริษัทเล็กๆ ในซานฟรานซิสโก และได้ลงทุนอย่างเงียบๆ อีก 2 พันล้านดอลลาร์ ร่วมพัฒนาระบบประมวลผลด้วย Artificial general intelligence (AGI) หลังบ้านร่วมกับ OpenAI มาโดยตลอด ส่วนโปรดักต์ของ OpenAI นั้นก็ได้รับการดูแลสนับสนุนระบบโดย Microsoft บน Azure AI Super-Computing Infrastructure อีกด้วย 

ปี 2022 Microsoft นำ DALL-E 2 ที่เป็น AI text-to-image model ของ OpenAI มาใช้งานใน Azure และ Bing และล่าสุดเมื่อ ChatGPT เข้ามาสร้างแรงกระเพื่อมในวงการ  โดยการลงทุนของ Microsoft รอบนี้ มีบริษัทร่วมทุน คือ Thrive Capital และ Founders Fund ซึ่งกำลังหารือกันเพื่อลงทุนในข้อตกลง พร้อมแผนการนำมาใช้ในโปรดักต์หลากหลายแบบ

มาดูกันว่า Microsoft มีแผนการอย่างไรกับ ChatGPT จะต่อกรคู่แข่งได้ไหม แล้วผู้ใช้งานอย่างเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

จัดหนักจัดเต็มกับทุก Product 

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Microsoft นำ AI มาปรับใช้นานแล้ว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นการนำ ChatGPT  มาปรับใช้แบบก้าวกระโดดในแทบทุก Product ของ Microsoft ไม่ว่าจะเป็น 

  • Office365 (Word, Excel, Powerpoint,Team): เพิ่มฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์พร้อมทั้งศึกษารูปแบบการใช้งานของเราให้เข้ากับตัวงาน เช่น แนะนำสไตล์งานที่เราชอบหรือใช้บ่อย ตรวจไวยากรณ์และปรับการเขียนให้ดีขึ้น ลองนึกภาพการว่า ระบบสามารถคัดลอกและสรุปข้อมูลจากบันทึกการประชุม พร้อมเพิ่มรูปภาพที่สร้างจาก Dall-E 2 ของ OpenAI ใน PowerPoint ใช้เวลารวดเร็วขึ้นสำหรับการทำพรีเซนเทชัน
  • Outlook (Mail Service): ปรับปรุงการค้นหาให้สามารถค้นหาอีเมลสิ่งที่ต้องการได้โดยไม่ต้องค้นหาโดยใช้คีย์เวิร์ด แนะนำตัวเลือกการตอบกลับอีเมลที่เหมาะสม ช่วยเราเขียนอีเมลได้ดียิ่งขึ้น เช่น “เขียนเมลลาป่วยให้หน่อย” ก็จะได้รูปแบบการเขียนที่เป็นทางการโดยใช้เวลาน้อยลง
  • Bing (Serch Engine): ตอนนี้ยังเป็นแค่การลือกันว่า Microsoft อาจจะใช้ ChatGPT ในการเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาให้ดีขึ้น ไม่แน่ว่าอาจจะดีเทียบเท่าหรือดีกว่า Google Search Engine
  • Windows12: ในงาน CES 2023 มีการเปรยว่าจะใช้ AI เป็นหลักโดยที่จะต้องใช้ CPU ที่ออกแบบมาให้ใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • Azure (Cloud Service): ใช้ Azure Cognitive Services ในการทำให้นักพัฒนาสามารถหยิบความสามารถของ AI มาใช้ผ่านคลาวด์ได้สะดวกขึ้นผ่าน APIs และยังมีอีกหลายฟังก์ชั่นที่นำความเก่งของ AI มาใช้งาน ช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชัน AI รุ่นต่อไปได้ง่ายยิ่งขึ้น 

โดย OpenAI เข้ามาปรับปรุงและขยายขีดความสามารถของ Microsoft Azure ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ตั้งแต่ปี 2019 และยังมีแผนระยะยาวในการสร้างเทคโนโลยีซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Azure AI ร่วมกันอีกด้วย

Cr. Microsoft Website

Microsoft vs Google

Google เป็นคู่แข่งที่นำ AI มาปรับใช้เช่นกัน ทั้งสองบริษัทกำลังพัฒนาและแข่งขันกันในด้านของ AI อย่างเต็มที่ ผู้เขียนคิดว่าทั้งสองยักษ์ใหญ่น่าจะสูสีกันมากเพราะต่างคนต่างพัฒนาและลงทุนใน AI เป็นจำนวนเงินที่เยอะ ที่น่าสนใจคือปกติแล้ว Microsoft จะโฟกัสการบริการไปในเชิงธุรกิจ เช่น Office365, Cloud Service ส่วน Google เน้นไปทางผู้บริโภค เช่น Google Translate, Google Photos, Search Engine เป็นต้น 

ในครั้งนี้ Microsoft หันมาพัฒนาในด้านผู้บริโภคเพิ่มเติมเข้าไปด้วย เห็นได้จาก Bing และ Windows12 เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นในอีก 5-10 ปีข้างหน้า 

หากพิจารณาในเชิงธุรกิจ  Microsoft สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อ Google และยังพร้อมที่จะท้าทายคู่แข่งด้านเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Amazon และ Apple ด้วยความได้เปรียบทางเทคโนโลยีที่บริษัทไม่เคยมีมานานกว่าสองทศวรรษ 

นอกจากนี้ตามรายงานจาก Semafor การลงทุนครั้งนี้ Microsoft มีส่วนแบ่งกำไรถึง 75% จนกว่าจะได้รับเงินลงทุนคืน ก่อนปรับเป็น 49% โดยเงื่อนไขคาดจะสรุปได้ชัดเจนภายในสิ้นปี 2023 กล่าวง่ายๆ Microsoft กำลังจะมีอาวุธน่าเกรงอยู่ในมือนั่นเอง

สิ่งที่จะตามมาจากการเข้าสู่ยุค AI / ข้อดีข้อเสียของผู้ใช้งาน

AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราแล้ว ในแบบที่เราอาจจะไม่รู้ตัว ผู้เขียนมองว่า AI มีแนวโน้มที่จะเกิดการเติบโตสูง เพราะกระแส ChatGPT, DALL-E, MidJourney และอีกหลายๆ ตัว ทำให้เป็นที่น่าจับตามองสำหรับนักลงทุนและบริษัทต่างๆ รายใหญ่รายย่อยก็จะเข้ามาลงทุน 

เมื่อเม็ดเงินไหลเข้าไปใน AI Industry มากๆ ก็จะเกิดการพัฒนาที่รวดเร็วกว่าปกติ แน่นอนว่าสิ่งที่จะตามมา คือ การทดแทนแรงงาน การเลิกจ้างพนักงานในตำแหน่งที่สามารถใช้ระบบคอมพิวเตอร์และ AI มาแทนที่ได้ เพื่อลดต้นทุน ลดเวลา รวมไปถึงในแง่ของจริยธรรมการใช้ AI

ข้อดี

  • ชีวิตสะดวกสบายขึ้นในหลายๆ ด้าน
  • ทดแทนตำแหน่งงานที่มนุษย์ทำไม่ได้
  • การเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ รวดเร็วขึ้น

ข้อเสีย

  • ตำแหน่งงานสำหรับมนุษย์จะลดลง
  • การใช้ AI ในด้านที่ผิด เช่น Deepfake
  • อาจจะกระทบต่อการเรียนรู้ของมนุษย์ เช่น ใช้ทำข้อสอบ



รวบรวมข้อมูลจาก

Microsoft is looking at OpenAI’s GPT for Word, Outlook, and PowerPoint

Twitter taught Microsoft’s AI chatbot to be a racist asshole in less than a day

Microsoft to challenge Google by integrating ChatGPT with Bing search

Microsoft Bets Big on the Creator of ChatGPT in Race to Dominate A.I.


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Disrupt Health Impact Fund ปิดดีลแรก ลงทุนใน "DiaMonTech" สตาร์ทอัพ DeepTech พัฒนาเทคโนโลยีวัดระดับกลูโคส โดยไม่ต้องเจาะเลือด

ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์ (Disrupt) เดินหน้าขับเคลื่อนระบบนิเวศ Healthcare หลังเปิดตัวกองทุน Disrupt Health Impact Fund เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ล่าสุดประกาศความสำเร็จในก...

Responsive image

Binance Labs ลงทุนใน BIO Protocol เพื่อเร่งพัฒนาเทคโนโลยีแบบกระจายศูนย์ (DeSci)

Binance Labs ได้ลงทุนใน BIO Protocol ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่บุกเบิกการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดหาเงินทุนและการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์สำหรับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในระยะเริ่มต้นโดยใช้เทคโนโลยีบ...

Responsive image

Tencent จับมือ Visa เปิดตัวระบบชำระเงินด้วยฝ่ามือ (Palm Payment) ในสิงคโปร์

Tencent ประกาศความร่วมมือกับ Visa เพื่อเปิดตัวระบบจ่ายเงินรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีจดจำฝ่ามือ โดยเริ่มให้บริการในประเทศสิงคโปร์เป็นที่แรก...