หากใครเคยขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินที่นิวยอร์กอาจจะพบเห็นผู้คนที่แอบลักลอบขึ้นรถไฟแบบฟรีๆ ไม่ว่าจะเป็นการกระโดดข้ามประตูทางเข้าสถานี หรือการใช้ร่างกายลัดเลาะตามช่องแคบๆ เพื่อเข้าไปในสถานี หรือแม้แต่การใช้ประตูทางออกฉุกเฉิน
รายงานจาก Blue-Ribbon Panel เผยว่าเวลาที่ผู้คนมักแอบขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน จะอยู่ในช่วงเวลาบ่าย 3 โมงถึง 4 โมงเย็น เนื่องจากเป็นเวลาเลิกเรียน นอกจากนี้ในช่วงเวลาเร่งด่วนไปทำงานตอนเช้าก็มีการลักลอบขึ้นรถไฟฟ้าเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
การกระทำดังกล่าวทำให้หน่วยงานขนส่งมวลชนของนิวยอร์ก (M.T.A.) ต้องสูญเงินถึง 690 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา และต้องหาวิธีการรับมือกับการกระทำเหล่านี้ โดยใช้ AI ร่วมกับกล้องที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆ ในสถานี เพื่อตรวจจับบุคคลต้องสงสัยได้แบบ 24 ชั่วโมง
AI ที่ M.T.A. นำมาใช้นี้มีชื่อว่า DETECTOR เป็น AI สำหรับการประมวลผลและวิเคราะห์ภาพจากวิดีโอ ตัวเดียวกับที่พัฒนาไปใช้ในระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน โดยบริษัทด้านซอฟต์แวร์ AWAAIT เป็นชื่อในภาษาคาตาลันแปลว่า “ระแวดระวัง”
DETECTOR AI ผสานรวมกับระบบของกล้องที่มีอยู่ในสถานีเพื่อตรวจสอบวิดีโอแบบเรียลไทม์ โดยให้ข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ว่าผู้คนจะขึ้นรถไฟใต้ดินเท่าไหร่และมีคนที่ลักลอบขึ้นรถไฟเท่าไหร่
โดย AI มีการวิเคราะห์ไว้ว่าการลักลอบขึ้นรถไฟใต้ดินส่วนใหญ่จะใช้วิธีการเดินผ่านประตูทางออกฉุกเฉิน คิดเป็น 50%, ประมาณ 20% กระโดดหรือปีนข้ามประตูหมุนบริเวณทางเข้าสถานี, 12% มุดลอดผ่าน เข้าไปด้านล่างของประตู และอีก 16% ใช้วิธีที่เรียกว่า "back-cocking" นั่นคือการดึงประตูหมุนไป ด้านหลังและไถลผ่านช่องว่างเข้าไปในสถานี
ปัจจุบัน DETECTOR AI ถูกใช้งานในสถานีรถไฟใต้ดิน 7 แห่งทั่วเมืองนิวยอร์กและหน่วยงาน M.T.A. ของนิวยอร์ก มีแผนที่จะขยายการใช้งานไปยังสถานีอีก 24 แห่งภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตามโฆษกของ M.T.A. เผยว่าไม่ได้เอาระบบนี้มาใช้เพื่อจับตัวหรือบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิด แต่ใช้เพื่อรายงานและวัดปริมาณการเลี่ยงค่าโดยสารที่เกิดขึ้นเท่านั้น ซึ่งแต่เดิมพวกเขาต้องส่งคนไปลาดตระเวนเพื่อเก็บข้อมูล
ที่มา : Business Insider
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด