สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เดินหน้าส่งเสริมและสร้างโอกาสให้เยาวชน หรือคนรุ่นใหม่ก้าวสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจนวัตกรรมผ่านโครงการและโปรแกรมที่ครอบคลุมการเริ่มต้นทำธุรกิจสตาร์ทอัพตั้งแต่ระดับประถมไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมปูพื้นฐานสำหรับแนวทางการคิดหรือสร้างไอเดียทำธุรกิจ โปรแกรมส่งเสริมเยาวชนแบบเชิงรุกในโรงเรียน โปรแกรมทดลองฝึกงานเพื่อเติมเต็มประสบการณ์กับเจ้าของธุรกิจตัวจริง โครงการประกวดไอเดียการสร้างธุรกิจนวัตกรรม รวมไปถึงโปรแกรมการสนับสนุนเงินทุนเพื่อต่อยอดให้ธุรกิจเป็นจริง พร้อมเผยที่ผ่านมา NIA ส่งเสริมความรู้ผ่านหลักสูตรต่างๆ ให้เยาวชนจนสามารถจัดตั้งธุรกิจนวัตกรรมได้จริงกว่า 40 ธุรกิจ
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า การส่งเสริมและสร้างโอกาสให้กับเยาวชน หรือคนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับสตาร์ทอัพ หรือการทำธุรกิจนวัตกรรม เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ NIA ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีความสนใจที่จะประกอบธุรกิจตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาหรือเพิ่งเรียนจบใหม่เพิ่มมากขึ้น NIA จึงริเริ่มแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนให้มีช่องทาง และมีตัวเลือกในการเรียนรู้รูปแบบการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งเชื่อว่าหากประเทศไทยสามารถผลิตสตาร์ทอัพรุ่นใหม่โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น จะช่วยเพิ่มโอกาสและศักยภาพทางนวัตกรรมของประเทศ รวมทั้งจะช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้แข็งแกร่งและเติบโตแบบก้าวกระโดด
ที่ผ่านมา NIA ได้พัฒนาหลักสูตร - แผนการพัฒนาศักยภาพด้านนวัตกรรมสำหรับเยาวชนตั้งแต่วัย 7-30 ปี โดยแต่ละหลักสูตรจะมีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรสำหรับเด็ก ไปจนถึงหลักสูตรสำหรับนักศึกษาในระดับปริญญาตรี-ปริญญาเอก โดยมีโปรแกรมที่น่าสนใจ ดังนี้
ดร.พันธุ์อาจ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา NIA ได้มีการส่งเสริมเยาวชนให้สามารถก่อตั้งธุรกิจนวัตกรรม - สตาร์ทอัพ ได้สำเร็จแล้วกว่า 40 บริษัท และมีบางบริษัทที่สามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้สูงถึงหลักสิบล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้การสนับสนุนเป็นไปอย่างเข้มข้นขึ้น ก้าวต่อไปของการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยในอนาคต NIA จึงเตรียมกระจายหลักสูตรและแนวคิดในการสร้างนวัตกรรม ออกเป็น 2 ทางหลัก โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายในช่วงวัย คือ ระดับประถม -มัธยม จะมีการขยายผลผ่าน 2 โครงการ คือ โครงการ Trainer's LAB และโครงการ Steam4innovator @school โดยลักษณะทั้ง 2 โครงการ คือ การขยายผลแบบสร้างตัวคูณผู้สอนผ่านการรับรองจาก NIA และสร้างโรงเรียนนวัตกรรมด้วยการรับรองการสอนในโรงเรียนที่นำกระบวนการเข้าไปปลูกฝังให้นักเรียน โดยวางแผนนำกระบวนการนี้เข้าสู่ระดับโรงเรียน ใน 6 ภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันได้นำร่องที่ภาคใต้ร่วมกับ มรภ. ยะลา และจะขยายผลต่อในอีก 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ และ ระดับอุดมศึกษา ที่มุ่งพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการในคนรุ่นใหม่ภายใต้โครงการ FounderApprentice โดยเน้นการเรียนรู้ประสบการณ์จริงจากการฝึกงาน ซึ่งมีแกนหลักปลายทางให้เยาวชนสามารถเติบโตไปเป็น ผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรม (Entrepreneur) หรือ บุคลากรนวัตกรรมที่จะช่วยพัฒนานวัตกรรมระดับองค์กร (Intrapreneur) หรือ การสร้างอาชีพใหม่ที่หลากหลายสายสร้างสรรค์ (creative career)
ด้านนางสาวปาลิตา วิษณุโยธิน ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท แอ็กนอสเฮลท์ จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน AGNOS -รู้ทันโรคด้วย AI กล่าวว่า ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ Founder Apprentice (FA) ของ NIA ซึ่งเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มาเรียนรู้แนวคิด วิธีการทำงานในโลกธุรกิจจริงพร้อมฝึกงานกับสตาร์ทอัพแถวหน้าของเมืองไทยดังนั้น จึงทำให้สนใจและอยากลองทำธุรกิจสตาร์ทอัพมากยิ่งขึ้น ส่วนจุดเริ่มต้นในการทำแอปพลิเคชัน “Agnos-รู้ทันโรคด้วย AI” แพลตฟอร์มที่ส่งเสริมให้ผู้ใช้งานเกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและความเจ็บป่วย เนื่องจากเห็นถึงภาระที่ประชาชนเดินทางไปโรงพยาบาลเป็นจำนวนมากทั้งที่มีอาการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เสียเวลารอพบแพทย์เป็นเวลานาน รวมทั้งยังทำให้โรงพยาบาลเกิดความแออัด ดังนั้น ตนและทีมจึงเห็นว่าควรมีแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจเช็คอาการของตนเองเบื้องต้นได้ก่อนจะไปพบแพทย์ หรือไปซื้อยาขึ้น และหลังจากที่ได้พัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าว ปัจจุบันแอปพลิเคชันสามารถคัดกรองโรคได้มากถึง 170 โรค และภายหลังจากที่เปิดให้ดาวน์โหลดได้ 5 เดือน มีผู้ใช้งานมากกว่า 30,000 ราย
นางสาวปาลิตา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ช่วยให้ตนมีความกล้าที่จะลองทำธุรกิจมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการกับ NIA เพราะแต่ละหลักสูตรช่วยให้เรามองเห็นภาพการทำธุรกิจที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และช่วยให้เราเกิดความมั่นใจที่จะลองทำธุรกิจ และสิ่งที่อยากฝากถึงเด็กรุ่นใหม่คือ นวัตกรรมมีความสำคัญมาก เพราะนวัตกรรมทำให้เกิดสิ่งแปลกใหม่ ซึ่งเราจะเห็นว่าทุกวันนี้โลกมีความเปลี่ยนแปลงและถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาและข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง และในอนาคตเทรด์นวัตกรรมก็จะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันมาก หากใครที่จับทางและเห็นปัญหาต่าง ๆ ได้ก่อน ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากที่จะพัฒนาสิ่งแปลกใหม่เพื่อตอบโจทย์เหล่านั้น ซึ่งจะนำมาทั้งมูลค่าทางเศรษฐกิจ และคุณค่าที่ดีกับสังคม
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด