Nvidia Corporation ผู้ผลิตการ์ดจอรายใหญ่ของโลกกลายเป็นบริษัทเนื้อหอมที่โลกจับตามอง ด้วยกระแส AI ที่มาแรง ส่งผลให้ซัพพลายเออร์รายใหญ่แห่งวงการ AI รายนี้ มีมูลค่าบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯ สูงเป็นอันดับ 3 เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2024
และล่าสุด Nvidia ได้ปลุกกระแสด้าน AI อย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวของสำคัญให้เห็นมากถึง 3 อย่างภายในงาน GTC 2024 เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
Credit: Nvidia
“เราต้องการ GPU ที่มีขนาดใหญ่ (เพื่อประมวลผล AI) ดังนั้น ผมขอแนะนำทุกท่านให้รู้จักกับ GPU ที่ใหญ่ยักษ์มากๆ” นี่คือสิ่งที่ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia กล่าวถึงการเปิดตัว “Blackwell” ชิปกราฟิกรุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อเขย่าวงการ AI โดยเฉพาะ
Blackwell เป็นชิปกราฟิกที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก Hopper H100 ซึ่งเป็นชิปที่บริษัท Tech ต่างนำไปใช้ในการประมวลผลโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) โดยรุ่นที่เปิดตัวออกมาก่อนให้เห็นในงานคือ B200 และ ไฮไลท์อย่าง GB200 ที่ Nvidia เรียกว่า ‘Superchip’
ชิป Blackwell B200 มาพร้อมกับทรานซิสเตอร์ภายใน 208,000 ล้านทรานซิสเตอร์ ใช้สถาปัตยกรรมการผลิตแบบ 4NP จาก TSMC ภายในตัวชิปมีการประกบ GPU สองตัวเข้าด้วยกัน มีความเร็วในการเชื่อมต่อแบบ chip-to-chipสูงสุด 10TB ต่อวินาที รองรับการประมวลผลข้อมูลระดับ 20,000 TFLOPS ซึ่งสูงกว่าชิปรุ่นเก่า H100 ที่ทำได้ 990 TFLOPS และรองรับชุดคำสั่งชนิดใหม่อย่าง FP6 รวมถึง FP4 เพื่องานด้าน AI โดยเฉพาะ
ส่วนทางด้าน GB200 หรือ ‘Superchip’ เป็นการรวมร่างชิป Blackwell B200 จำนวน 2 ตัว เข้ากับ Grace CPU เพื่อขยายขีดความสามารถด้านการประมวลผล AI ให้สูงไปอีกขั้น โดยสามารถประมวลผลคำสั่ง LLM ได้รวดเร็วขึ้นถึง 30 เท่า แลถยังประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่า 25 เท่าเมื่อเทียบกับ H100
Nvidia ระบุว่า ก่อนหน้านี้หากต้องการเทรนด์โมเดล LLM จำนวน 1.8 พันล้านพารามิเตอร์ จะต้องใช้ชิป Hopper มากถึง 8,000 ตัว และใช้ไฟกว่า 15 เมกาวัตต์ แต่หากเป็นชิป Blackwell จะใช้เพียงแค่ 2,000 ตัว และใช้ไฟราว 4 เมกาวัตต์เท่านั้นเมื่อประมวลผลในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าการเทรนโมเดล AI จะรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก เป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของ AI อย่างแท้จริง
Credit: Nvidia
Project GR00T เป็นโมเดลพื้นฐานอเนกประสงค์ (Foundation Model) สำหรับการพัฒนาหุ่นยนต์รูปร่างมนุษย์ หรือ Humanoid ที่ Nvidia ตั้งใจสร้างแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมาเพื่อผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในด้านหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ผสานร่างกาย (Embodied AI)
หุ่นยนต์ที่ถูกพัฒนาด้วยแพลตฟอร์ม GR00T มาพร้อมกับศักยภาพในการเข้าใจภาษาธรรมชาติ และเลียนแบบการเคลื่อนไหวโดยการสังเกตการกระทำต่างๆ ซึ่งหมายความว่าหุ่นยนต์จะสามารถสั่งการได้ผ่านตัวอักษร คำพูด หรือวิดีโอได้นั่นเอง Nvidia ระบุเพิ่มเติมว่า หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถเรียนรู้ทักษะอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้พวกมันสามารถเคลื่อนที่ และปรับตัวให้เข้ากับโลกจริงได้
Credit: Nvidia
นอกเหนือจากฮาร์ดแวร์แล้ว Nvidia ยังได้เปิดตัวซอฟต์แวร์ Nividia Inference Microservice เพื่อช่วยให้การติดตั้งโซลูชันที่เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์บนชิปของ Nvidia ได้อย่างรวดเร็ว และง่ายมากยิ่งขึ้น
โดยปกติแล้วการติดตั้งโซลูชัน AI ทำได้ยาก แม้แต่บริษัทที่มีนักพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ก็อาจจะใช้เวลาหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือนที่จะทำให้ AI สามารถทำงานร่วมกันได้ โดย NIM ถูกออกแบบมาเพื่อให้กระบวนการพัฒนาเกี่ยวกับ AI ให้เป็นสิ่งที่ง่าย และคล่องตัวมากขึ้น ด้วยการรวบรวมของที่จำเป็นในด้านการพัฒนาเช่น LLM และ Inference Engine ที่ถูกปรับแต่งล่วงหน้าไว้ด้วยกัน
โดยทาง Nvidia เปิดเผยว่า NIM จะช่วยให้นักพัฒนาที่ไม่มีประสบการณ์ด้าน AI สามารถสร้างโซลูชันที่เกี่ยวกับ AI ได้ง่ายขึ้น ซึ่งบริษัทคาดว่าจะช่วยขยายกลุ่มบุคคลากรด้าน AI ได้มากถึง 10 เท่า หรืออาจ 100 เท่าด้วยโซลูชันดังกล่าว
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด