ต้องไปต่อหรือไม่ กับ วัคซีนโควิด-19 เข็มสี่ จำเป็นแค่ไหน ในวันที่โอไมครอนยังคงระบาด | Techsauce

ต้องไปต่อหรือไม่ กับ วัคซีนโควิด-19 เข็มสี่ จำเป็นแค่ไหน ในวันที่โอไมครอนยังคงระบาด

ต้องไปต่อหรือไม่ กับ วัคซีนโควิด-19 เข็มสี่ จำเป็นแค่ไหน ในวันที่โอไมครอนยังคงระบาด เพราะด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในประเทศไทยยังอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากังวล ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทำลายสถิติอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 7 วันเกิน 20,000 คนมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 

ต้องไปต่อหรือไม่ กับ วัคซีนโควิด-19 เข็มสี่ จำเป็นแค่ไหน ในวันที่โอไมครอนยังคงระบาด

ประเด็นเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นจึงกลายเป็นเรื่องที่สังคมกลับมาให้ความสนใจอีกครั้ง ผศ.นพ. มนต์เดช สุขปราณี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลเมดพาร์ค ได้ให้มุมมองว่า หากจะรับมือกับโอไมครอนอย่างอยู่หมัด วัคซีนเข็มสี่อาจมีความจำเป็น

เจาะประสิทธิภาพเข็มสามต่อสายพันธุ์โอไมครอน

หลังจากที่เราใช้ชีวิตอยู่กับโควิด-19 มากว่า 2 ปี เป็นที่ทราบกันดีว่า ระดับภูมิคุ้มกันที่ได้จากการฉีดวัคซีนต่อเชื้อไวรัสนั้นจะเริ่มลดลงหลังจาก 6-8 เดือน นั่นจึงเป็นที่มาของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของสายพันธุ์โอไมครอน ผศ.นพ. มนต์เดช อธิบายว่า “ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนมีจุดกลายพันธุ์มากถึง 30 จุดที่ส่วนยึดจับกับตัวรับบนผิวเซลล์ ทำให้หลุดรอดภูมิต้านทานได้มากกว่าเดิม และทำให้ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีน 2 เข็มอาจไม่เพียงพอ” 

การศึกษาซึ่งตีพิมพ์ใน New England Journal of Medicine ซึ่งทำการศึกษาระหว่างการแพร่ระบาดของโอไมครอน (พฤศจิกายน 2564 - มกราคม 2565) พบว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแทบไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อแบบไม่มีอาการได้เลย หลังจากได้รับวัคซีน 2 เข็มตั้งแต่ 20 – 24 สัปดาห์ ในขณะที่ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์อยู่ที่ 65.5% ก่อนจะลดลงเหลือเพียง 8.8% หลังจาก 25 สัปดาห์ และวัคซีนโมเดอร์น่าอยู่ที่ 75.1% ก่อนลดลงเหลือ 14.9% ภายในช่วงเวลาเดียวกัน 

ผลวิจัยระบุว่า หลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่สาม ชนิด mRNA วัคซีนสามารถช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกับหลังจากได้รับวัคซีน 2 เข็มแรก อย่างไรก็ตาม ระดับภูมิต้านทานมีแนวโน้มลดลงค่อนข้างเร็ว โดยหลังจาก 10 สัปดาห์ ประสิทธิผลของวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่สามลดลงเหลือ 39.6% หากได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็มแรก และเหลือ 45.9% หากได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็มแรก ในขณะที่ประสิทธิผลของวัคซีนโมเดอร์น่าภายหลัง 5 – 9 สัปดาห์ลดลงเหลือ 60.9% และ 64.4% ตามลำดับ

ผศ.นพ. มนต์เดช อธิบายต่อว่า “ผลวิจัยชี้ให้เห็นว่า ประสิทธิผลของวัคซีน mRNA ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์น่าในการเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้น สามารถป้องกันสายพันธุ์โอไมครอนได้ในระดับที่ดี แต่วัคซีนทั้ง 2 ชนิดอาจไม่ได้เป็นเหมือนพี่น้องฝาแฝดกันเสียทีเดียว จากผลการศึกษา พอจะสรุปได้ว่า วัคซีนโมเดอร์น่าถือว่ามีระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่า และความคงทนของภูมิต้านทานที่นานกว่า ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากการใช้งานจริงของวัคซีนทั้ง 2 ชนิด ในช่วงสายพันธุ์เดลต้าระบาดในหลายประเทศ เช่น อิสราเอล กาตาร์ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา” 

ต้องไปต่อหรือไม่ กับ วัคซีนโควิด-19 เข็มสี่

ผลข้างเคียง mRNA น่ากังวลแค่ไหน

วันนี้วัคซีน mRNA มีการใช้กันมากขึ้นในประเทศไทย แต่บางคนอาจยังมีความไม่มั่นใจเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ผศ.นพ. มนต์เดช กล่าวว่า ในการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลเมดพาร์คทั้งหมด 252,378 โดส ไม่ได้พบผลข้างเคียงรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน 

“สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ ผลข้างเคียงที่พบมี 3 ราย ได้แก่ 2 รายเกิดอาการชักและความดันโลหิตสูง แต่กลับมาเป็นปกติภายใน 2-3 นาที โดยคนไข้มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง เมื่ออาการดีขึ้นก็กลับบ้านได้ ส่วนรายที่ 3 อายุ 90 ปี ความดันโลหิตต่ำและมีอาการถ่ายดำจากเลือดออกทางลำไส้ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนฉีดวัคซีน จึงได้รับรักษาตัวใน ICU และอาการดีขึ้นตามลำดับ ในส่วนของโมเดอร์น่า อาการที่พบบ่อย คือ อ่อนเพลีย เป็นไข้ ปวดเมื่อยตัว ง่วงนอน 1-3 วัน โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่ไม่พบอาการภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน หรือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ แต่อย่างใด”

ต้องไปต่อหรือไม่กับเข็มสี่

ประเทศไทยได้เริ่มปูพรมฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในวงกว้างตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 แต่ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายคนคงตั้งคำถามว่า มีความจำเป็นจะต้องฉีดเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่สี่มากน้อยเพียงใด ผศ.นพ. มนต์เดช กล่าวว่า “การศึกษาในต่างประเทศชี้ให้เห็นว่าระดับภูมิต้านทานต่อสายพันธุ์โอไมครอนมีแนวโน้มลดลงเร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้าอย่างมาก แม้วัคซีนเข็มที่สาม ที่มีประสิทธิภาพที่สุดต่อโอไมครอนอย่าง mRNA ก็ยังยืนระยะได้ไม่เกิน 3-6 เดือน ดังนั้น หากโอไมครอนไม่หายไปภายใน 3-6 เดือน การกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนเข็มสี่ ก็มีความจำเป็น”

สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนชนิดต่างๆ จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ผศ.นพ. มนต์เดช แนะนำว่า “วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม แม้จะรับมือกับสายพันธุ์อัลฟ่าและเดลต้าได้ดี แต่ยืนระยะได้ไม่นาน และต้องมีการกระตุ้นด้วยวัคซีน mRNA เช่น ไฟเซอร์ แต่ภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอไมครอนของไฟเซอร์ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก และยังลดลงค่อนข้างเร็ว สำหรับ วัคซีน mRNA 3 เข็ม ยังถือว่ารับมือกับโอไมครอนได้ดี โดยเฉพาะหากเข็มที่สาม เป็นโมเดอร์น่า จะยืนระยะได้นานที่สุดประมาณ 6 เดือนหรือน้อยกว่า อย่างไรก็ดี ปัจจุบันผู้ผลิตวัคซีนยังคงเร่งศึกษาวิจัยวัคซีนจำเพาะสายพันธุ์โอไมครอน จึงต้องติดตามข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป”

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Disrupt Health Impact Fund ปิดดีลแรก ลงทุนใน "DiaMonTech" สตาร์ทอัพ DeepTech พัฒนาเทคโนโลยีวัดระดับกลูโคส โดยไม่ต้องเจาะเลือด

ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์ (Disrupt) เดินหน้าขับเคลื่อนระบบนิเวศ Healthcare หลังเปิดตัวกองทุน Disrupt Health Impact Fund เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ล่าสุดประกาศความสำเร็จในก...

Responsive image

Binance Labs ลงทุนใน BIO Protocol เพื่อเร่งพัฒนาเทคโนโลยีแบบกระจายศูนย์ (DeSci)

Binance Labs ได้ลงทุนใน BIO Protocol ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่บุกเบิกการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดหาเงินทุนและการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์สำหรับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในระยะเริ่มต้นโดยใช้เทคโนโลยีบ...

Responsive image

Tencent จับมือ Visa เปิดตัวระบบชำระเงินด้วยฝ่ามือ (Palm Payment) ในสิงคโปร์

Tencent ประกาศความร่วมมือกับ Visa เพื่อเปิดตัวระบบจ่ายเงินรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีจดจำฝ่ามือ โดยเริ่มให้บริการในประเทศสิงคโปร์เป็นที่แรก...