ไม่กี่วันที่ผ่านมา Techsauce ได้นำเสนอข่าวลือที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก กรณีของคุณหมู Ookbee กับการระดมทุนผ่าน ICO ซึ่งล่าสุดคุณหมูได้ออกมาเปิดเผยผ่าน Facebook ส่วนตัว ถึงที่มาของการก่อตั้ง SIX Network ICO โดย Techsauce ได้นำใจความสำคัญบางช่วงบางตอนที่คุณหมูเปิดเผยใน Facebook มาดังนี้
Six Network ก่อตั้งโดยบริษัทสองกลุ่มด้วยกันคือ
คุณหมูเผยที่มาด้วยใจความดังนี้
"ผมกับคุณกั้ก Computerlogy เป็นเพื่อนกัน (สิบกว่าปี) บริษัทเราทั้งสองอยู่ในพอร์ท VC ของ Invent (INTOUCH) ทั้งคู่ จนในปี 2015 กั้กได้ขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับ YDMG ไป ทางกลุ่ม INTOUCH ก็ Exit ไป
สามปีก่อนตอนที่ Ookbee เริ่มทำ Coin มาใช้ใน Ookbee UGC ต่างๆ เราเคยศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเอา Cryptocurrency มาเป็น token ของเราเพื่อแก้ปัญหาเบสิคๆก่อน เช่น Liquidity, transferability และ 3rd party transaction fee (ทั้งสามอย่างดีกว่า coin ระบบปิดของเราแน่นอน) แต่ตอนนั้น คือปี 2015 พวกเราดูแล้วเทคโนโลยียังไม่น่าเวิร์คกับเรา volume coin เราเองก็เล็กมากและที่สำคัญผู้ใช้งานและ Creators ของเรา แทบจะไม่มีความเข้าใจหรือความต้องการรับหรือถือ Cryptocurrency อย่าง Bitcoin หรือ Ethereum เลย จนมาถึงปี 2017 ตลาด crypto ในไทยมีขนาดใหญ่มากขึ้นมาก มีผู้ถือเหรียญมากขึ้นและ volume การเทรดเอาแค่ใน Exchange ไทยเองก็มีขนาดใหญ่ขึ้นถึงระดับหลายร้อยล้านบาทต่อวัน พวกเราลองกลับมามองดูความเป็นไปได้ที่จะเอา Blockchain Token มาใช้อีกครั้ง (แทน Ookbee Token ที่ตอนนี้โดนโอนมาอยู่ใน Ookbee U ทั้งหมดตั้งแต่ต้นปี 2017) ผมเริ่มเดินสายพูดคุยกันกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ วันนึงได้มาคุยกับกั้กขอความรู้จากที่ทาง yello เคยทำ เลยทราบแผนที่ทางกั้กกับเครือ Yello และ DAYLI Financial มีแผนจะออก ICO สนับสนุนกลุ่ม Social Influencer ต่างๆ (YDM มีธุรกิจ Digital Agency ในไทยก็มี Adyim http://www.adyim.com/ ของคุณนนท์ด้วย ทางกลุ่ม Yello ที่เกาหลีมีประสบการณ์เป็นเจ้าของบริษัทในเครือที่ออกเหรียญชื่อ ICON ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญที่ได้รับความนิยมระดับโลก https://icon.foundation และเป็นเจ้าของ exchange อันดับต้นๆในเกาหลีชื่อ Coinone https://coinone.co.kr)
พอฟังโจทย์แล้วมันเป็นเรื่องเดียวกัน (ทางโน้นคิดถึงฝั่ง Influencers ของผมมี คิดถึงฝั่ง Creators) เราเลยตกลงว่าจะร่วมออกแบบระบบขยาย Scope ออกเป็น ICO ที่สนับสนุนกลุ่ม Creative Workers และ Digital Creators (Ookbee UGC ตอนนี้เป็น Creative Workers Community มีนักเขียน, นักวาด, นักดนตรี, ผู้กำกับ, ตัดต่อ, นักแปล ต่างๆ รวมๆกันราวๆ สามแสนกว่าคน เพิ่มขึ้นวันละหลายพันคน ) และจบที่การตกลงว่าจะทำ ICO ร่วมกันเพื่อให้มี eco ใหญ่ที่สุดที่ทำได้ตอนเริ่มก่อน จากนั้นก็ขอความเห็นชอบจากทาง Tencent หุ้นส่วนของเราเมื่อตอนต้นปีและก็ออกมาเป็น Project นี้ในที่สุด"
คุณหมูได้อธิบายถึงการที่ Six จะเข้ามาแก้ปัญหาให้กับ Creative Workers และ Creative Supplychain ดังนี้
1. ผู้ใช้งานตอนเติมเงินเข้าระบบ มูลค่าที่ได้จะลดลงทันที สูงสุดถึง 30% โดยยังไม่ได้เริ่มใช้ เพราะมีตัวกลางเช่น Appstore Playstore หรือการขอตัดเงินรับรหัสทาง SMS หรือบัตรเติมเงินต่างๆ
2. ตอนจ่ายออกเราใช้วิธีให้ Creative workers ทำ KYC กับเราเองตอนนี้แบบง่ายๆคือใช้ app ของเราถ่ายรูปบัตรประชาชน ถ่ายรูปสมุดบัญชีธนาคาร และก็ถ่ายรูปหน้าตัวเอง สิ้นเดือนเราโอนเงินให้ผ่านระบบธนาคารโดยเสียค่าธรรมเนียมการโอนออกสูงถึง 15 บาท ต่อบัญชี และเรายังมีปัญหาว่าเรามีนักเขียนนักวาดหลายพันคนที่มีเงินค้างในระบบไม่ได้โอนออกเพราะไม่คุ้มค่าธรรมเนียม
3. ถ้า creative workers เหล่านี้ รับเงินส่วนแบ่งเป็น fiat ไปแล้วอยากกลับมาซื้องานของคนอื่น (นักดนตรีฟังเพลงเยอะ นักวาดการ์ตูนก็อ่านการ์ตูนเยอะ นักเขียนก็อ่านผลงานคนอื่น) มูลค่าเงินก็จะลดลงจากการไปผ่านข้อ 1. ใหม่ แน่นอนว่าเราสามารถจ่ายเป็น token เราเองส่วนหนึ่งได้แต่ จะดีกว่าถ้า token นั้นมี liquidity และนำไปใช้ที่อื่นได้ ไม่รวมถึงเผลอๆถือไว้อาจมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ (หรือไม่ก็ลดลงเรื่อยๆตามสภาพตลาดคริปโตโลก ฮา –") เพราะมี utility จากการที่มี partner มาร่วมเยอะขึ้นเรื่อยๆ (เช่น แต้มบัตรเครดิต หรือ Creative platform อื่นๆ) ตอนรับเงินจะสามารถเลือกได้ว่ารับ fiat เหมือนเดิมหรือ SIX โดย SIX สามารถนำมาใช้ได้และนำไปใช้ทีอื่นและเทรดได้
4. ด้าน บริการทางด้านการเงิน Creative Workers เหล่านี้อาจมีปัญหาไม่สามารถทำบัตรเครดิตได้เพราะอาจไม่มี Pay Slip ไม่มีรายได้ประจำ ในกรณีนี้เราสามารถให้ short-term liquidity ได้ ในฐานะเจ้าของ platform จริงๆแล้วเราเห็นถึงประวัติรายได้ที่ผ่านมา เช่นทุกเดือนมีรายได้ 5,000 บาท เราสามารถให้ creative workers วาง collateral เป็น IP ของเค้าซึ่งก็อยู่บน platform เราอยู่แล้ว (เช่น lock ไม่ให้ลบออก) แล้วอาจให้เบิกเงินล่วงหน้า 2-3x ได้ รายได้ที่เกิดขึ้นก็ผ่าน platform เราก่อนอยู่แล้วเราเก็บเงินพร้อมดอกเบี้ยหักก่อนจ่ายออกไปได้ จนได้คืนครบค่อยคืน IP ให้กับ creative workers นั่นคือในมุมของ platform
สิ่งที่ SIX อยากทำอยากทำให้ดีกว่านั้น เรามีแผนทำ Digital Asset Wallet (bank ทำ fiat wallet startup หลายๆที่ทำ crypto wallet) เช่นเดียวกัน หากเราย้าย IP ที่มีลงใน Wallet และเชื่อมกับ Platform เราให้ creative workers สามารถนำ Digital Asset Wallet อันนี้ไปแสดงมูลค่าที่เกิดบน platform เราและ ของ partner อื่นๆ เช่นการ์ตูนเรื่องเดียวกันขึ้นหลายๆเว็บหรือแม้กระทั่งแปลไปขึ้นเว็บการ์ตูนเกาหลี จีน มี smart contract แบ่งค่า ลิขสิทธิ์ ค่าแปล ค่า platform ต่างๆเรียบร้อย จากทุกๆเว็บ ทีนี้ Creative Workers อาจจะนำ Wallet นี้ไปทำบัตรเครดิตได้ หรืออาจมี Source of fund อื่นๆมาเสนอผ่าน platform ให้นำไปเบิกจ่ายลวงหน้าให้ก่อนก็ได้
ตัวเลข unbank เหล่านี้อยู่นอกระบบและมีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ในแง่ธนาคารอันนี้ก็เป็นการเอาคน unbank มาเข้าระบบได้อีกถ้ามี platform เชื่อมต่อเยอะๆ ตัวอย่างอื่นๆ เช่น รูปถ่ายไปขึ้น stockphoto หลายๆที่ เพลงไปขึ้นใน streaming หลายๆที่ แล้วlink กลับมา digital asset wallet เป็นต้น
Wallet to Wallet commerce ขาย IP ให้คนอ่าน คนฟังไปใช้ หรือแม้กระทั่งขายสิทธิ์การเป็นเจ้าของไปเลย ยังมีเรื่อง scope อื่นๆที่เราอยากทำเช่นศิลปินเพลงแต่ละวงสามารถออกเหรียญย่อยของตัวเองเบสบน SIX แล้วไปใช้กับแฟนคลับของตัวเอง (จับมือ หรือ exclusive event เป็นต้น) เรามี Wallet เวอร์ชั่น end-user กับ OEM ทั้งหมดนี้เป็นจะเป็น Open source
Platform Social ยังไม่เอาด้วยทำไง เราคิดว่าทำได้ เลยลองทำ experiment ช่วงเดือนที่ผ่านมา เป็นหนึ่งใน project ที่เป็น Stealth mode อยู่ของบริษัท Ookbee เองสามสี่อัน
Oishi เกี้ยวซ่า http://buddyreview.co/campaignreport/xMEywGGN9C
Jele Light http://buddyreview.co/campaignreport/EiHahWJiyp
Jele Beauty http://buddyreview.co/campaignreport/RxROMqi4BX
"ถ้ากดเข้าไปดูอันนี้เป็นตัวอย่าง micro influencer ไปซื้อมาลองกินจริงๆ ได้กินจริง ถ้าชอบก็ post ไม่ชอบก็แค่ลองกิน จ่ายเงินเองด้วย แต่ถ้าชอบและเต็มใจโพสต์ก็มี rewards ให้ ตอนนี้ budget แต่ละ campaign ไม่กี่หมื่นบาท แต่ลองเข้าไปดูผลได้ครับ ทุกอันเป็นของจริงหมด per post ระดับต่ำร้อย per engagement ต่ำกว่าบาท ที่สำคัญคนรีวิวจ่ายเงินซื้อสินค้าเองใช้เองทั้งหมด post บน mainstream social media ในหน้า campaignเหล่านี้ลองกดไปดูบน wall เค้าจริงๆได้ทุกอัน คือหลัง post เปิด public จะมี bot เข้าไปตรวจความถูกต้องทันที และจะสรุปผลภายในสามวันให้ เจ้าของ campaign แล้วก็ reward อันนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นแบบเป็นรูปธรรม กลายเป็นว่า ก็ตีมูลค่า social influencer มาใส่ wallet ได้ rewards ได้ แล้วก็กลับไปข้อ 4 ได้ ตัวนี้ถ้าเป็น Influencer ทางเกาหลีมี https://www.gushcloud.com/ ซึ่งทาง CEO มาเป็น Advisor ICO นี้ "
"ก็น่าจะเป็น concept เดียวกับข้อ 6 ศิลปินสามารถ reward แฟนพันธ์แท้ด้วย coin ของวงเรา จากการไปดูว่า แฟนคนไหนโพสต์อะไรได้ engage ดี rewards เป็น coin ของวงเอาไว้ไปจัด event พิเศษกันต่อไป coin ใคร coin มัน ของวงตัวเองถ้ายิ่งดังขึ้นก็ยิ่งแข็งขึ้นๆ แฟนได้ coin หรือซื้อไป trade ก็ได้ Token ก็มี Liquidity ก็จะมีคนยิ่งอยากซื้อ
ตัวอย่างที่ลองยกมาให้ดูเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเป็นไปได้ครับ และแน่นอนว่าทุกอย่างเป็นเพียงจุดเริ่มต้นและภาพฝัน (แต่ทุกอย่างก็เริ่มอย่างนี้ 10 กว่า projects ข้างบนของผมก็เริ่มจากภาพฝันแบบนี้ แต่SIXตอนเริ่มจะได้เปรียบที่มีฐานคนใช้และพาร์ทเนอร์แล้ว) ผมก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองนะครับ ว่าเราเองอาจจะเป็น ICO ตัวแรกๆตัวนึงที่เปิด crypto wallet ให้กับวัยรุ่นไทยที่เป็น creative workers แล้วการเขียนการวาด การโพสต์ การทำเพลง และอื่นๆ จะเป็น Token ที่มีคนใช้จริง (คาดเดาจากการที่ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ใช้และผู้รับ Ookbee Token ไปแล้วกว่า 550,000 คน) จินตนาการว่ามีน้องๆหลายหมื่น หลายแสนคนถือ crypto wallet แรกที่ได้แล้วมี coin ฝากเข้ามาแล้วก็เอาไปทำอะไรต่อได้ trade ได้ด้วยแล้วมันก็น่าตื่นเต้นดี
และนอกจาก Ookbee แล้วก็ยังมี yello และ partner ในหลายๆประเทศของเราซึ่งลองนับดูตอนนี้มีหลายสิบล้าน users และ หลายแสน creative workers/influencers และ IPs ตัวอย่างก็จะเหมือนที่ผมยกมาข้างบนแต่เป็น platform ของ partner เค้า"
มีทีมจาก Ookbee/Ookbee U/Computerlogy และเพื่อนๆน้องๆสายการเงิน การตลาด สาย dev ใน community ตัวท็อปๆทั้งในและต่างประเทศลองเข้าไปดูคนหลักๆที่เรา onboard มาแล้วใน web กับ Whitepaper ครับทีมทั้งหมดเริ่มทำงานกันแล้วตอนนี้
Advisors/Current Position/Experience
"สิ่งที่หลายๆคนเคยได้ยินและกังวลเกี่ยวกับ ICO ก็คือเรื่อง fraud (ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเหตุผลที่ หากเป็นคนที่เข้าใจ เราควรมาลองสนับสนุน ICO ที่น่าจะดีๆกันเยอะๆให้เป็นตัวอย่างในวงกว้างขึ้น ที่สำคัญคือบอกตรงนี้ว่าเรายินดีให้ความร่วมมือกับ กลต อย่างเต็มที่ครับเบื้องต้นก็ติดต่อเข้าไปพูดคุยชี้แจงอยู่เรื่อยๆแล้ว) สิ่งที่เราจะทำคือเปิดบริษัทแยกออกมาทำ ICO ตัวนี้ เพื่อความชัดเจนว่าเงินทุนจะนำไปใช้ใน SIX project เท่านั้น และลงทุนเองไปก่อนโดยบริษัท Ookbee U และ YDMG ประมาณ 2 ล้านเหรียญ โดยทั้งสองบริษัทจะได้เหรียญมาตามมาบางส่วน แต่เหรียญก้อนนี้ที่เราซื้อมาจะไม่สามารถขายได้ตลอดไป ทั้งสองบริษัทจะต้องเอาไปใช้ผ่าน platform ของตน จ่ายออกไปยัง creative workers เท่านั้นเพื่อเป็นการ commit การสร้าง ecosystem ขึ้นมา"
ในเบื้องต้นลองเข้าไปกดๆดูเว็บหลายสิบอันในกลุ่มเราในกว่าสิบประเทศในหน้า https://six.network/#partner ที่จะเอาเหรียญที่ซื้อไปจ่ายผ่านระบบออกไปดูก่อนได้ แค่นี้ก็เยอะพอควรแล้ว
ในกรณีที่เราใช้เหรียญจ้างหรือตอบแทนทีมงานและที่ปรึกษา เหรียญทุกคนก็จะถูก lock ไว้ห้ามขาย 1 ปี ส่วนหนึ่งและ 2 ปีอีกส่วนหนึ่ง และ เงินทุนที่ถ้าระดมมาได้ (Soft Cap 15M / Hard Cap 33.8M) จะเอาไปใช้ทำอะไรมีการแจกแจงไว้ใน Whitepaper ชัดเจนครับ (ตรงนี้มากน้อยแล้วแต่มุมมอง แต่ถ้าใช้ตัวเองเป็น reference ก็บอกได้ว่า vision ที่ six พยายามทำใหญ่กว่าสิ่งที่ startup อย่าง ookbee ทำอยู่มาก) นอกจากการพัฒนาระบบกลางเองแล้ว ส่วนหนึ่งความตั้งใจของเรา จะมีการกันเงินทุนส่วนใหญ่พอสมควรเลยส่วนนึงเอาไว้ใช้ในการนำไปลงทุนใน creators platforms อื่นๆของ partner ใหม่ๆทั้งในและนอกประเทศเพื่อช่วยเป็นต้นทุนในการสร้างระบบรองรับให้ ecosystem ของเรา ตัวอย่างเช่นเรายังมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ creative workers อีกหลายๆบริษัท ในไทยใน 500 tuktuks ก็มีอีกหลายตัว เพื่อเร่งให้เกิดการใช้งานและยอมรับเร็วมากขึ้น
และทั้งหมดนี้ก็คือ Introduction to SIX Network ICO เวอร์ชั่นแรกของผมครับ หวังว่าจะพอมีประโยชน์กับผู้ที่กำลังตัดสินใจดูๆ ICO ตัวนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงเราจะพูดให้ดียังไง การลงทุนใน ICO ก็มีความเสี่ยงสูงหวังว่าผู้สนใจศึกษาข้อมูลและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจ ขอบคุณและหวังว่าเราอาจจะได้ร่วม Journey ครั้งนี้ไปด้วยกันครับ"
หมายเหตุจาก Techsauce : การลงข่าวที่เกี่ยวข้องกับ ICO และ Cryptocurrency เป็นไปเพื่ออัพเดทเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่การชี้ชวนให้ลงทุนแต่ประการใด การลงทุนในช่องทางดังกล่าวเป็นวิจารณญาณและการตัดสินใจของผู้อ่านข่าวเอง “การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด