OpenAI ประกาศเปิดตัว GPT-4.5 โมเดล AI ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้โค้ดเนม "Orion" ซึ่งเป็นโมเดลที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทจนถึงปัจจุบัน ถูกฝึกด้วยปริมาณข้อมูลและพลังการประมวลผลมากกว่ารุ่นก่อนหน้าทั้งหมดของ OpenAI
แม้จะมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ OpenAI ยืนยันว่า GPT-4.5 ไม่ใช่โมเดล AI ระดับแนวหน้า (frontier AI model) **Note: หลังจากเปิดตัว GPT-4.5 ได้ไม่นาน OpenAI ได้ลบข้อความหนึ่งออกจากเอกสารของโมเดลที่เคยระบุว่า “GPT-4.5 ไม่ใช่ AI ระดับแนวหน้า” ตามการรายงานของ Techcrunch
ผู้ใช้ที่สมัครแพ็กเกจ ChatGPT Pro ในราคา 200 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน จะสามารถใช้งาน GPT-4.5 ได้ตั้งแต่วันนี้ในฐานะ การเปิดตัวเพื่อการวิจัย (research preview)
ผู้พัฒนาที่ใช้ OpenAI API แบบเสียเงินก็สามารถเข้าถึง GPT-4.5 ได้เช่นกันตั้งแต่วันนี้
ด้านผู้ใช้ ChatGPT Plus และ ChatGPT Team คาดว่าจะได้รับการอัปเกรดในสัปดาห์หน้า
สำหรับ GPT-4.5 Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ยกให้เป็นโมเดลที่มีความสามารถใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุดเท่าที่เคยพัฒนา “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเหมือนได้พูดคุยกับคนที่มีความคิดรอบคอบจริง ๆ” Altman กล่าว พร้อมเผยว่าแม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกตะลึงกับคุณภาพของคำแนะนำที่ได้รับจาก AI รุ่นใหม่นี้
แม้ว่า GPT-4.5 อาจไม่ได้พัฒนาก้าวกระโดดแบบเห็นได้ชัดในทุกด้าน แต่ก็มีการปรับปรุงที่สำคัญหลายอย่าง ทำให้มัน มีความรู้รอบด้านมากขึ้น สามารถเข้าใจข้อมูลเชิงลึกได้ดีขึ้น และ ลดข้อผิดพลาดหรือการสร้างข้อมูลผิดพลาด (hallucination) ซึ่งหมายความว่ามันมีแนวโน้ม ให้คำตอบที่แม่นยำขึ้นกว่ารุ่นก่อน
หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของ GPT-4.5 คือ ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์และโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เพียงแค่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ยังสามารถสื่อสารในลักษณะที่อบอุ่นและเข้าใจผู้ใช้มากขึ้น ทำให้มันเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานที่ต้องการ AI ที่เป็นมิตรและสามารถสื่อสารได้อย่างใกล้เคียงมนุษย์
ในด้านการเขียนโค้ด GPT-4.5 มีศักยภาพสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า สามารถช่วยแก้ปัญหาและสร้างโค้ดที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม มันยังไม่ใช่ AI ที่เก่งที่สุดในด้านนี้ เมื่อเทียบกับโมเดล reasoning ที่ถูกพัฒนามาเฉพาะสำหรับการคิดวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับโค้ด
โดยรวมแล้ว GPT-4.5 เป็นโมเดลที่ฉลาดขึ้น ตอบคำถามได้แม่นยำขึ้น เข้าใจมนุษย์ได้ดีขึ้น และสร้างข้อผิดพลาดน้อยลงเมื่อเทียบกับ AI รุ่นก่อนของ OpenAI
GPT-4.5 ถูกพัฒนาโดยใช้แนวทางเดียวกับโมเดลก่อนหน้าของ OpenAI ตั้งแต่ GPT-1 จนถึง GPT-4 นั่นคือการขยายขนาดโมเดลโดยเพิ่มพลังการประมวลผลและปริมาณข้อมูลในการฝึกแบบ unsupervised learning ให้มากขึ้น ซึ่งในอดีต วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่ดีเสมอ เมื่อขนาดของโมเดลเพิ่มขึ้น ความสามารถในด้านต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ การเขียนโค้ด และการใช้ภาษาก็พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ในกรณีของ GPT-4.5 แม้ว่ามันจะใหญ่และใช้พลังประมวลผลมหาศาล แต่ประสิทธิภาพไม่ได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด เหมือนที่ผ่านมา นี่เป็นสัญญาณว่า แค่เพิ่มขนาดโมเดล อาจไม่ทำให้ AI ฉลาดขึ้นอีกต่อไป ในการทดสอบ AI Benchmarks หลายตัวระบุว่า GPT-4.5 ยังเป็นรองโมเดล reasoning models จากบริษัทอื่น เช่น DeepSeek, Anthropic และแม้แต่โมเดลบางตัวของ OpenAI เอง
อีกหนึ่งปัญหาสำคัญคือ ต้นทุนในการให้บริการ GPT-4.5 สูงมาก OpenAI ยอมรับว่าโมเดลนี้ใช้พลังประมวลผลมากจนทำให้ต้นทุนการรันสูงกว่าปกติ โดยค่าบริการของ GPT-4.5 ใน OpenAI API อยู่ที่ 75 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 ล้านโทเคนอินพุต (ประมาณ 750,000 คำ) และ 150 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 ล้านโทเคนเอาต์พุต ในขณะที่ GPT-4o ซึ่งเป็นโมเดลที่เล็กกว่า มีค่าบริการเพียง 2.50 ดอลลาร์สหรัฐฯและ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ
Ilya Sutskever อดีตนักวิทยาศาสตร์ของ OpenAI เคยออกมาแสดงความเห็นว่า "เราไปถึงจุดสูงสุดของข้อมูลแล้ว และการ pre-training แบบเดิมจะจบลงแน่นอน"
ซึ่งนั่นก็อาจเป็นเหตุผลทำให้เราเห็นว่าในปัจจุบันนักวิจัยเริ่มหันไปพัฒนาโมเดล AI ที่ "คิดวิเคราะห์" (Reasoning AI) ซึ่งไม่ได้แค่ใช้ข้อมูลจำนวนมาก แต่พยายามให้ AI คิดได้เหมือนมนุษย์มากขึ้น แทนที่จะเพิ่มขนาด AI ไปเรื่อยๆ
OpenAI ก็มีแนวทางนี้ โดยจะรวม GPT series (ภาษาธรรมชาติ) กับ o-series (reasoning) ใน GPT-5 ที่จะมาในอนาคต แม้ว่า GPT-4.5 จะไม่ได้เป็นสุดยอด AI แต่ OpenAI มองว่ามันเป็นขั้นที่นำไปสู่การพัฒนาโมเดลที่ดีกว่า เช่น GPT-5 ที่อาจรวม AI ที่เข้าใจภาษา และ AI ที่ให้เหตุผลได้ดีขึ้นเข้าด้วยกัน
อ้างอิง: techcrunch , openai
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด