Openspace กองทุนแห่ง SEA ตั้งเป้า 2 ปี ลงทุนสตาร์ทอัพไทยไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท | Techsauce

Openspace กองทุนแห่ง SEA ตั้งเป้า 2 ปี ลงทุนสตาร์ทอัพไทยไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

โอเพ่นสเปซ (Openspace) กองทุนที่ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เน้นการนำเทคโนโลยีมาเป็นแกนหลักในการประกอบธุรกิจ ล่าสุดออกมาตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับการเติบโตของสตาร์ทอัพไทย ด้วยการประกาศแผนลงทุนในสตาร์ทอัพไทย ปี พ.ศ. 2568 - 2569 ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท พร้อมเผยวิสัยทัศน์ของบริษัทเกี่ยวกับอนาคตของประเทศไทย ว่ามุ่งผนึกกำลังกับสถาบันต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงผู้ร่วมลงทุน และชุมชนสตาร์ทอัพ ในการปลดล็อกศักยภาพด้านเทคโนโลยีและส่งเสริมอีโคซิสเต็มที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย

รู้จัก Openspace กันก่อน

OpenspaceSource :facebook.com/openspacevc

โอเพ่นสเปซ (Openspace) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2557 เป็นกองทุนชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปัจจุบันบริหารจัดการเงินทุน 800 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 30,000 ล้านบาท และมีสำนักงานใน 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ไทย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยในด้านเงินลงทุน โอเพ่นสเปซได้รับเงินลงทุนมากถึง 65% จากนักลงทุนสถาบันหลายแห่ง อาทิ Temasek, DEG, JICA, กองทุนบำเหน็จบำนาญ (Pension Funds) ในอเมริกาและออสเตรเลีย แล้วโอเพ่นสเปซก็จะนำเงินไปลงทุนในสตาร์ทอัพให้เติบโตต่อ โดยลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำแล้วมากกว่า 60 แห่ง 

โอเพ่นสเปซก้าวขึ้นเป็นผู้ลงทุนสำคัญ (Lead Investor) ในวงการเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สำหรับกุญแจสู่ความสำเร็จของโอเพ่นสเปซ คุณณิชาภัทร อาร์ค ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของกองทุนโอเพ่นสเปซ เวนเจอร์ส (Openspace Ventures) บอกว่า เกิดจากการใช้ข้อมูลเชิงลึกและความเชี่ยวชาญระดับสูงของทีมงาน เพื่อเสริมศักยภาพให้แก่บริษัทที่ได้เข้าลงทุนได้สร้างผลงานที่โดดเด่น พร้อมกับสร้างประโยชน์ให้สังคม และคำนึงถึง ESG

Openspace

สำหรับประเทศไทย คุณณิชาภัทรให้ข้อมูลเพิ่มว่า โอเพ่นสเปซเข้ามาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ด้วยเงินลงทุนรวมเกือบ 1,000 ล้านบาท 

"เราภูมิใจในบริษัทสตาร์ทอัพไทยที่เราได้ลงทุนอย่างมาก เนื่องจากมีทีมผู้บริหารที่มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจที่ทำอยู่ในเชิงลึกและสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างน่าพอใจ กองทุนของเรายังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของสตาร์ทอัพไทย และมองหาโอกาสที่จะเพิ่มเงินลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับจุดแข็งของประเทศไทย เช่น การเงิน การแพทย์ การเกษตร การบริการและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ เรายังสนใจสตาร์ทอัพที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานทดแทนและการลดโลกร้อน เนื่องจากปัญหาใหญ่เช่นนี้จะต้องนำเทคโนโลยีมาแก้ไขถึงจะเห็นผลที่ชัดเจน”

นอกจากนี้ โอเพ่นสเปซยังมุ่งมั่นสนับสนุนสตาร์ทอัพไทย ร่วมกับการส่งเสริมอีโคซิสเต็มอย่างต่อเนื่อง จากบทบาทของคุณณิชาภัทรที่สะท้อนผ่านการดำรงตำแหน่งเกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนและเทคโนโลยี ได้แก่ 

  • กรรมการสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน 
    (Thai Venture Capital Association)
  • สมาชิกคณะกรรมการของสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
    (Sasin School of Management, Chulalongkorn University)
  • สมาชิกคณะกรรมการของสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งมหาวิทยาลัยมหิดล 
    (Institute for Technology and Innovation Management, Mahidol University)

พอร์ตโฟลิโอในไทยที่ Openspace เข้าไปลงทุน

Openspace

พอร์ตโฟลิโอของโอเพ่นสเปซในประเทศไทยในขณะนี้มี 3 สตาร์ทอัพ ได้แก่ 

  1. ฟินโนมีนา (Finnomena) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการลงทุนดิจิทัลชั้นนำของไทยที่ผสานพลัง AI เข้ากับความเชี่ยวชาญของมนุษย์ เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงบริการบริหารความมั่งคั่งได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การดูแลเกือบ 50,000 ล้านบาท

  2. เฟรชเก็ต (Freshket) ผู้จำหน่ายวัตถุดิบด้านอาหารแบบครบวงจรผ่านแพลตฟอร์มที่สะดวกต่อการติดตามในทุกขั้นตอน โดยปัจจุบันได้ให้บริการแก่ธุรกิจร้านอาหารกว่า 20,000 แห่ง และมีอัตราการเติบโตถึง 10 เท่าในระยะเวลาเพียง 4 ปี

  3. อบาคัส ดิจิทัล (Abacus Digital) ผู้ให้บริการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันมันนี่ทันเดอร์ (MoneyThunder) ที่มุ่งเน้นการสร้างโอกาสทางการเงินด้วยเทคโนโลยี AI ให้กับกลุ่มคนที่หลากหลาย โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้เงินกู้นอกระบบ ปัจจุบัน มีผู้สนใจสมัครสินเชื่อกับมันนี่ทันเดอร์ สูงถึง 200,000 รายต่อเดือน โดยมียอดดาวน์โหลดแอปแล้วกว่า 20 ล้านครั้ง ยอดปล่อยสินเชื่อเติบโตต่อเนื่อง โดยมี NPL ต่ำกว่าตลาดถึง 3 เท่า อบาคัส ดิจิทัลได้รับการจัดให้อยู่ใน Forbes Asia 100 to Watch โดยนิตยสาร Forbes เมื่อปีที่แล้ว จากการคัดเลือกสตาร์ทอัพผู้สมัครทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 13 ประเทศ  
                                 

Finnomena

คุณเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง กลุ่มบริษัท ฟินโนมีนา กล่าวถึงความร่วมมือกับโอเพ่นสเปซ และการสนับสนุนที่ช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับฟินโนมีนาอย่างต่อเนื่องว่า 

“โอเพ่นสเปซ เวนเจอร์ส ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักลงทุน แต่เป็นพันธมิตรที่สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของฟินโนมีนา ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โอเพ่นสเปซช่วยเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีของเราอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับการสร้างแบรนด์ การสร้างกลยุทธ์เพื่อกระจายประเภทสินทรัพย์ และการวางแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจ นอกเหนือจากเงินทุนแล้ว ทีมงานของโอเพ่นสเปซ ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อความสำเร็จของฟินโนมีนา โดยให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญกับธุรกิจของเราในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสรรหาบุคลากรไปจนถึงการวางกลยุทธ์” 

และนอกเหนือจากโอเพ่นสเปซ เวนเจอร์ส ฟินโนมีนายังได้รับการสนับสนุนจากสถาบันชั้นนำอื่นๆ อาทิ กรุงศรี ฟินโนเวต, ธนาคารออมสิน, Gobi Partners 

เผยทิศทางการลงทุนในสตาร์ทอัพไทยของ Openspace

Openspace

โอเพ่นสเปซเชื่อแน่ว่า การลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพไทยสามารถเติบโตต่อได้ด้วยหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพของสตาร์ทอัพเอง, การย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังประเทศไทยที่จะเพิ่มมากขึ้น, ศักยภาพของตลาดและการเติบโตของเทคโนโลยีในประเทศจะเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มีการลงทุนเข้ามามากขึ้น แนวโน้มทางเศรษฐกิจของประเทศไทยก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

"ที่เราอยากลงทุนในเมืองไทยเพิ่มเพราะว่าสตาร์ทอัพไทยที่เราได้ลงทุนในทุกสตาร์ทอัพ Good Performer หมด อย่างตอนแรกที่เราลงทุนในฟินโนมีนา Pain Point มันคือ การลงทุนทางออนไลน์เป็นเรื่องยากมากในช่วง 4 ปีที่แล้ว แต่เมื่อนำเทคโนโลยี เช่น AI เข้ามาช่วยเพื่อหาโซลูชัน ช่วยเลือกกองทุน ส่งผลให้มีสินทรัพย์ภายใต้การดูแล (Asset Under Advisement) อยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท แต่พอได้รับผลกระทบโควิด สินทรัพย์ลดลงไป 5,000 ล้านบาท ตอนนี้สินทรัพย์ก็ขึ้นมาเป็น 50,000 ล้านบาท แล้วเราก็ตั้งเป้าหมายว่าอยากทำให้บริษัทเทคในไทยโตจนพาเข้าไปจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้" 

คุณณิชาภัทรยกตัวอย่างความสำเร็จของฟินโนมีนา แล้วบอกเพิ่มในกรณีของอบาคัส ดิจิทัล ที่นำ AI มาพิจารณาเพื่อให้เงินกู้แก่ผู้ที่มีรายได้น้อย ว่าถ้าไม่มี AI เข้ามาช่วย ก็จะไม่สามารถพิจารณาและปล่อยสินเชื่อออนไลน์ให้ผู้มีรายได้น้อยได้ เนื่องจากผู้กู้ไม่มีเอกสารหรือข้อมูลทางการเงินว่ามีรายได้ที่แน่ชัด ปิดท้ายด้วยการให้รายละเอียดด้านการลงทุนในสตาร์ทอัพไทย ดังนี้
 Openspace

  • เน้นลงทุนในสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ในประเทศไทย โดยสตาร์ทอัพที่จะได้รับการลงทุนต้องสามารถนำ AI เข้ามาใช้ประโยชน์ในการทำงานเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ดีขึ้นได้

  • ยินดีเปิดรับสตาร์ทอัพจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรม แต่อาจโฟกัสแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา และในเวลานี้โฟกัสที่ FinTech, WealthTech, AgTech, MedTech, HealthTech, EnergyTech

  • 500 ล้านบาท คืองบลงทุนขั้นต่ำที่เตรียมไว้ให้สตาร์ทอัพไทย ในช่วง 2 ปีข้างหน้า (ปี พ.ศ. 2568 - 2569) 

  • จำนวนเงินลงทุนในแต่ละ Stage หากเป็นสตาร์ทอัพที่อยู่ใน Early Stage (Series A-B) มีสิทธิ์ได้รับเงินลงทุน 3 - 8 ล้านดอลลาร์ (ราว 100 - 272 ล้านบาท) แต่หากอยู่ในระดับ Growth Stage (Series C ขึ้นไป) มีสิทธิ์ได้รับเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 15 ล้านดอลลาร์ (ราว 500 ล้านบาท)

  • รูปแบบการลงทุน จะนำไปสู่ 2 แนวทาง (Exit) คือ 1) ผลักดันให้ธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโตจนสามารถเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ หรือ 2) การควบรวมกิจการ (M&A)

  • หนึ่งในเกณฑ์การคัดเลือกสตาร์ทอัพ คือ ต้องสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 500,000 ดอลลาร์ (ราว 17 ล้านบาท)

  • คำแนะนำสำหรับสตาร์ทอัพ ควรให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์ลูกค้า โดยให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาธุรกิจ

ดังนั้น ผู้สนใจหรือต้องการหารือเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือกับโอเพ่นสเปซ สามารถติดต่อได้ที่อีเมล [email protected]

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

สยาม เอไอฯ ได้รับ NVIDIA DGX Blackwell B200 รายแรกในอาเซียน

NVIDIA DGX Blackwell B200 เป็นหน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูงที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของ Siam.AI Cloud ทำให้สามารถรองรับการประมว...

Responsive image

Infineon เสริมแกร่งและกระจายฐานการผลิต ตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหม่ในประเทศไทย

Infineon Technologies AG ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ (Backend Production) แห่งใหม่ในจังหวัดสมุทรปราการ การลงทุนในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเพื่อเพิ่มประ...

Responsive image

Techsauce จับมือ KUMPUL เสริมแกร่งสตาร์ทอัพไทย-อินโดฯ สู่เวทีโลก

Techsauce และ KUMPUL ได้ร่วมลงนาม MOU อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านสตาร์ทอัพข้ามพรมแดนและนวัตกรรมระดับโลก ผนึกกำลังสร้างระบบนิเวศท...