Tesla อาจประหยัดเงินได้มากถึง 1.9 ล้านบาทต่อปีสำหรับพนักงาน 1 ตำแหน่งที่ถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ หรือหากคิดรวมๆ แล้วอาจช่วยให้ Elon Musk ประหยัดได้มากถึงปีละ 1.7 หมื่นล้านบาท
Tesla พัฒนาหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ในชื่อ Optimus มาหลายปีแล้ว โดยเปิดตัวโปรเจ็กต์นี้สู่สายตาชาวโลกไปเมื่อปี 2021 ซึ่งในตอนนี้หุ่นยนต์ Optimus จำนวน 2 ตัวได้เข้ามาทำงานประจำที่โรงงานของ Tesla เรียบร้อย และคาดว่าภายในปี 2025 จะมีหุ่นยนต์มากกว่า 1,000 ตัวทำงานที่โรงงาน Tesla จนดูเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์ต้องทำงานร่วมกับหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์
ธนาคาร Deutsche Bank ได้ออกมาวิเคราะห์ว่า หุ่นยนต์พวกนี้จะมีราคาต่อตัวอยู่ที่ราวๆ 9.1 แสน - 2.56 ล้านบาท (27,000-76,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) หากสมมติว่าในปี 2027 พนักงานในสายการผลิตต้องทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และรับค่าจ้างปีละ 2.1 ล้านบาท (62,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ) Tesla จะสามารถประหยัดเงินได้ 1.07 ล้านบาทต่อปี (31,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ) หากแทนที่พนักงานคนนั้นด้วยหุ่นยนต์หนึ่งตัว
หากแทนที่พนักงานแค่ 10% ด้วยหุ่นยนต์ Tesla จะประหยัดเงินได้มากถึง 4.76 พันล้านบาทต่อปี (141 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และหากเทคโนโลยีก้าวหน้าจนทำให้ประสิทธิภาพหุ่นยนต์สูงขึ้น ในปี 2030 หุ่นยนต์ Optimus หนึ่งตัวอาจทดแทนพนักงานที่ได้ค่าจ้าง 2.45 ล้านบาทต่อปี (72,880 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ทำให้ Tesla จะประหยัดเงินได้มากถึง 1.93 ล้านบาทต่อปีต่อหุ่นยนต์หนึ่งตัว (57,550 ดอลลาร์สหรัฐฯ)
ยิ่งไปกว่านั้น หาก Tesla ทยอยแทนที่พนักงานด้วยหุ่นยนต์จนถึงสัดส่วน 20% ทำให้สุดท้ายแล้ว บริษัทอาจประหยัดเงินได้มากถึง 509 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หรือประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว
(คำนวนโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 33.67 บาท)
หุ่นยนต์ Optimus ไม่ได้มีหน้าที่แค่เป็นแรงงานในโรงงานเพียงอย่างเดียว เพราะมีการคาดการณ์ว่า จะถูกวางขายให้กับบริษัทอื่นๆ และผู้บริโภคทั่วไปด้วย โดยสามารถทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก ครู หรือแม้แต่บอดี้การ์ดได้
Deutsche Bank วิเคราะห์ว่า หากหุ่นยนต์ Optimus เข้ามาประจำการได้มากขึ้น ประกอบกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจ Robotaxi ที่กำลังจะเปิดตัวไปได้ดี อาจส่งผลให้ราคาหุ้นของ Tesla พุ่งสูงถึง 295 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น
อ้างอิง : QZ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด