Pandora แบรนด์จิวเวลรีชื่อดังจากเดนมาร์ก ออกโรงเตือนว่าแผนขึ้นราคาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจดันราคาจิวเวลรี่ทั่วโลกพุ่งสูง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าระดับกลางถึงพรีเมียมที่มีฐานการผลิตในเอเชีย
อเล็กซานเดอร์ ลาซิก ซีอีโอของ Pandora ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า หากภาษีนำเข้าอยู่ที่ 10% บริษัทพอรับมือได้โดยไม่กระทบราคาขาย แต่หากพุ่งถึง 30–40% ทั้งอุตสาหกรรมจิวเวลรี่อาจต้องเผชิญกับ “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” พร้อมเตือนว่า “ผู้บริโภคควรเตรียมรับราคาสินค้าที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น”

Pandora พึ่งพาการผลิตเอเชีย ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินเดีย และจีน ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่สหรัฐฯ กำหนดภาษีตอบโต้สูงถึง 26%–46% ภายใต้นโยบาย “Liberation Day” หรือ วันประกาศนโยบายภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา
จากการประเมินเบื้องต้น การขึ้นราคาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ อาจกระทบรายได้ของบริษัท Pandora มากถึง 1.2 พันล้านโครนเดนมาร์ก หรือราว 182 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
แม้จะมีพนักงานกว่า 8,000 คนในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ทำงานด้านค้าปลีก แต่ Pandora ปฏิเสธแนวคิดการตั้งโรงงานในอเมริกา
อเล็กซานเดอร์ ลาซิก ระบุว่า “ต้นทุนแรงงานในสหรัฐฯ สูงเกินไป” และ “ขาดช่างฝีมือด้านจิวเวลรี่แฮนด์เมด” ซึ่งต่างจากไทยที่มีแรงงานฝีมือกว่า 15,000 คน
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐยังทำให้บริษัท ไม่สามารถวางแผนการลงทุนระยะยาวได้อย่างมั่นใจ
สินค้าหลักของ Pandora เช่น สร้อยข้อมือเงินแท้ (เริ่มต้นที่ $75) และแหวนเพชรสังเคราะห์ ($200) อาจมีราคาพุ่งสูง หากต้องชำระภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
แม้บริษัทตั้งเป้า เติบโตแบบออร์แกนิก (Organic Growth) ที่ 7–8% ภายในปี 2025 แต่ได้ปรับลดอัตรากำไรจาก 24.5% เหลือ 24% จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัว โดยยังไม่รวมผลกระทบภาษีนำเข้าใหม่ในประมาณการนี้
การขึ้นราคาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างราคาสินค้าในตลาดจิวเวลรีโลก โดยเฉพาะกลุ่มแบรนด์ระดับกลางถึงพรีเมียมที่มีฐานผลิตในเอเชียอย่าง Pandora
ผู้บริโภค นักลงทุน และผู้ค้า ควรจับตาสถานการณ์ภายหลังสิ้นสุดช่วงพักภาษีในเดือนกรกฎาคม 2025 อย่างใกล้ชิด
ราคาสินค้าของ Pandora ที่วางขายในไทย อาจปรับขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น หากค่าเงินบาทอ่อนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ราคายิ่งสูงขึ้นเป็นสองเท่า และมีโอกาสที่แบรนด์จะนำเข้าสินค้าน้อยลง หรือคัดเฉพาะรุ่นที่ทำกำไรได้สูงสุด
หากนโยบายภาษีใหม่ยังไม่ถูกชะลอหรือเปลี่ยนแปลง ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และ Pandora เองก็อาจต้องทบทวนกลยุทธ์ระยะยาวอีกครั้งในตลาดสหรัฐฯ
อ้างอิง: CNBC
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด