Priceza จัดงานสัมมนาเทรนด์ธุรกิจ E-Commerce พร้อมเผยข้อมูลน่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการเตรียมพร้อมรับมือยุค Disruption
โดยคุณธนาวัฒน์ มาลาบุปผา CEO&Co-founder บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด และนายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย กล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยนับได้ว่ามีการเติบโตทางธุรกิจ E-Commerce สูงขึ้นมาก
จากผลสำรวจพบว่าคนไทยซื้อสินค้าผ่านทาง Social Media 40 เปอร์เซ็นต์ E-Marketplace 35 เปอร์เซ็นต์ และ E-Tallers 25 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ยังพบว่ามีการซื้อสินค้าผ่านทางสมาร์ทโฟนกว่า 99 เปอร์เซ็นต์
ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการซื้อผ่านทางออนไลน์คือสินค้าแม่และเด็ก รองลงมาคือสินค้าสุขภาพและความงาม
อีกทั้งตลาดออนไลน์ยังเติบโตขึ้นกว่า 86 เปอร์เซ็นต์จากปี 2018 ที่ 4.69 เปอร์เซ็นต์ สู่ 8.71 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2019
ผู้ซื้อส่วนใหญ่นิยมชำระเงินผ่านการโอนเงินกว่า 43 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือบัตรเครดิต 38 เปอร์เซ็นต์ และ COD 17 เปอร์เซ็นต์
สำหรับยอดซื้อเฉลี่ยต่อครั้งจากปีก่อน 769 บาท ลดลงเหลือ 475 บาท คาดว่ามาจากการพยายามจะดึงลูกค้ารายใหม่ๆ เข้าสู่แพลตฟอร์มและขยายโปรโมชั่นให้กับเหล่าผู้ซื้อ
ปัจจุบันการซื้อสินค้าถูกมองเป็นเรื่องของความบันเทิงและไลฟ์สไตล์มากขึ้น
สินค้าดี มีคุณภาพ มีลักษณะเฉพาะแบรนด์
จัดหาบริการที่สามารถเพิ่มมูลค่า
มีช่องทางการขายที่ครอบคลุม
ปีหน้าจะเป็นปีที่เราได้เห็นการซื้อสินค้ามีความไร้พรมแดนมากยิ่งขึ้น จากแค่ภูมิภาคสู่การข้ามประเทศ ถึงแม้ในทุกวันนี้เราเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าจากจีนมาส่งไทยแล้วก็ตาม แต่ในอนาคตจะมีอัตราการเติบโตที่สูงยิ่งขึ้น โดยดูได้จากจำนวนสินค้าที่คนไทยซื้อผ่านทางช่องทางออนไลน์บนแพลตฟอร์มของ Lazada Shopee และ JD.com จาก 74 ล้านชิ้น สู่ 174 ล้านชิ้น เทียบกับปีก่อน ซึ่งถือว่าสูงขึ้น 2.4 เท่า ในขณะที่จำนวนสินค้านั้นมีสินค้าไทยเพียง 23 เปอร์เซ็นต์ และเป็นสินค้าจากต่างประเทศกว่า 77 เปอร์เซ็นต์
อีกทั้งยังพบว่าระยะเวลาการส่งสินค้าจากจีนมาสู่ไทยรวดเร็วขึ้นอย่างชัดเจน โดยคุณธนาวัฒน์ ได้ยกตัวอย่างกรณีของตนที่สั่งสินค้ามากจากจีนแล้วเทียบระยะเวลาจากปีก่อนสู่ปีนี้ว่ามีระยะเวลาจาก 12 วัน เหลือเพียง 6 วันเท่านั้น ทั้งนี้อาจจะรวดเร็วมากขึ้นอีกในอนาคต หากมีการสนับสนุนและความร่วมมือจากรัฐบาลที่มากขึ้นในด้านการร่วมมือธุรกิจกับจีน
ถึงอย่างไรก็ตามทาง Priceza ยังคงพยายามผลักดันผู้ค้าไทย ทำให้ได้รับผลวิเคราะห์มาว่าผู้ใช้งานซื้อสินค้าจากผู้ค้าไทยกว่า 86 เปอร์เซ็นต์ และต่างชาติ 14 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ใช้จ่ายต่อรายในการจับจ่ายกับผู้ค้าไทยที่ 738 บาทต่อครั้ง และกับผู้ค้าต่างชาติ 350 บาทต่อครั้ง
ปัจจุบันนี้มีแบรนด์ที่ขายออนไลน์กว่า 44,000 แบรนด์ในขณะที่มี Official Brands อยู่เพียง 4 เปอร์เซ็นต์ หรือ 1,700 ร้านค้าเท่านั้น โดยคาดว่าในปี 2020 จะมีร้านค้า Officail เกิดขึ้นอีก 3 เท่า
ทำไมต้อง DTC
คนรู้จักมากขึ้น
สร้าง Brand Royalty
มีข้อมูลแบบ Realtime เพื่อนำไปพัฒนาการตลาด
ที่ผ่านมา Facebook กับ LINE จัดเป็นช่องทางหลักในการซื้อสินค้าสำหรับชาวไทย แล้วยังมีผลวิจัยจาก BCG บ่งชี้ว่าประเทศไทยคือผู้นำของตลาด Social E-Commerce ด้วยตัวเลข 40 เปอร์เซ็นต์ แซงหน้าทุกชาติในโลก
ด้วยกระแสการซื้อสินค้าผ่านทาง Social Media ทำให้เกิด Facebook Pay, Instagram Shopping และ LINE OA ทั้งหมดนี้คือการเข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ซื้อให้สามารถทำธุกรรมทั้งหมดในแพลตฟอร์มเดียว แต่ที่ต้องกังวลอาจเป็นค่าโฆษณาที่จะแพงขึ้นบนแพลตฟอร์มต่างๆ เนื่องจากมีปริมาณผู้ค้าที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ปีหน้าเราอาจจะได้เห็น LINE MAN Grab และ GET เข้ามาอยู่ในการซื้อสินค้ามากขึ้น ซื้อวันนี้ส่งตอนนี้ เพราะหากมองไปที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างอินโดนีเซียก็มีบริการเช่นนี้ให้เห็นอยู่มาก ซึ่งในอนาคตอาจมาพร้อมโปรโมชันมากมายที่น่าสนใจ
ไม่ว่าใครก็พูดถึง Omni Chanel การซื้อสินค้าแบบครบวงจร ที่ Retial ส่วนใหญ่กำลังให้ความสนใจ ล่าสุด Cenntral Retail เองก็ได้ออกมายืนยันว่าการทำ Omni Chanel นั้นทำให้ธุรกิจเติบโต เพราะโอกาสเติบโตขึ้นมาก อีกทั้งยังอาจเพิ่มช่องทางการใช้จ่ายให้ลูกค้า
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด