Priceza เผยข้อมูลสินค้ากว่า 77 เปอร์เซ็นในมาเก็ตเพลสมาจากจีน แนะผู้ประกอบการไทยควรทำอย่างไร? | Techsauce

Priceza เผยข้อมูลสินค้ากว่า 77 เปอร์เซ็นในมาเก็ตเพลสมาจากจีน แนะผู้ประกอบการไทยควรทำอย่างไร?


จากข้อมูลของไพรซ์ซ่า (Priceza.com) แพลตฟอร์มค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคาสินค้าออนไลน์ อันดับ 1 ของประเทศไทย ได้เปิดเผยข้อมูล Insights พบว่าเมื่อปี 2018 จำนวนสินค้าใน 3 มาเก็ตเพลสชั้นนำอย่าง Lazada Shopee และ JD Central มีจำนวนสินค้ากว่า 74 ล้านชิ้น และภายใน 1 ปี มีจำนวนสินค้าเพิ่มขึ้น 2.4 เท่า หรือกว่า 174 ล้านชิ้นในปลายปี 2019 มากไปกว่านั้น ในจำนวน 174 ล้านชิ้นเป็นสินค้าที่มาจากต่างประเทศกว่า 77% หรือกว่า 135 ล้านชิ้น 

“…นั่นหมายความว่า สินค้าที่เราเจอใน 3 แพลตฟอร์มส่วนใหญ่นั้นล้วนแล้วมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น เกือบ 80% เลยทีเดียว…”

สินค้าประเภทใดมาจากประเทศจีนมากที่สุด 

อันดับ 1 สินค้าแฟชั่น

อันดับ 2 สินค้าเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ Gadget ต่างๆ 

อันดับ 3 สินค้ากีฬา 

ทำไมถึงมีสินค้าจีนเข้ามาถล่มในประเทศไทยมากมายขนาดนี้ 

Marketplace ทั้ง 3 รายมีการแข่งขันที่หนักหน่วง ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ต้องแข่งกันคือ ความหลากหลายของสินค้า เจ้าไหนมีความหลากหลายของสินค้ามากกว่าก็จะทำให้แตกต่างจากเจ้าอื่น ยิ่งเอาสินค้าเข้ามาเยอะเท่าไหร่ ประกอบกับราคาที่ไม่แพงมากนัก ยิ่งทำให้ผู้บริโภคชื่นชอบ 

ความเหลื่อมล้ำของพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยกับชาวจีน

พ่อค้าแม่ค้าชาวไทย นอกจากจะโดนตัดราคาขายจากพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยคือ โครงการภาษี

โครงสร้างภาษีเหลื่อมล้ำกับผู้ขายชาวไทยอย่างไรบ้าง? 

ส่วนที่1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ผู้บริโภคชาวไทยเมื่อสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ หากสินค้านั้นมีมูลค่าน้อยกว่า 1,500 บาท ผู้บริโภคไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีศุลกากรนำเข้า 

นั่นหมายความว่า ทุกวันนี้สินค้าจีนที่ราคาต่ำกว่า 1,500 บาท มีต้นทุนถูกกว่าพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย ในแง่ของการไม่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่ต้องจ่ายภาษีศุลกากรนำเข้า 

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ยกตัวอย่างขายเสื้อผ้าตัวละ 100 บาท ธุรกิจนั้นต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 บาทจากผู้บริโภค เพื่อนำส่งกรมสรรพากร 

แต่ในขณะเดียวกันหากเสื้อผ้าตัวละ 100 บาทส่งตรงมาจากพ่อค้าแม่ค้าชาวจีน พวกเขาไม่จำเป็นต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ดังนั้นเห็นภาพได้ชัดเลยว่าต้นทุนของพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยกับชาวจีน มีต้นทุนที่แตกต่างกัน จึงเป็นเหตุผลให้สินค้าที่มาจากต่างประเทศมีราคาที่ถูกเพราะเนื่องจากต้นทุนของเขาถูกกว่าพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยนั่นเอง 

ส่วนที่2. ภาษีศุลกากรนำเข้า

ภาษีศุลกากรนำเข้าของประเทศไทยมีอัตราอากรขาเข้าอยู่ในช่วง 5 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่า ธุรกิจของคนไทยที่นำเข้าสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาและมาขายต่อสู่ผู้บริโภคคนไทย ต้องเสียภาษีศุลกากรนำเข้า แต่ผู้ค้าจากประเทศจีนส่งสินค้าหาผู้บริโภคคนไทยกลับไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรนำเข้านี้เลย 

ส่วนที่3. ภาษีจากรายได้

ธุรกิจชาวจีนที่ไม่ได้จดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย เมื่อประกอบกิจการจนสามารถทำกำไรได้ พวกเขาไม่ต้องจ่ายภาษีอะไรเลยให้กับประเทศไทย แตกต่างจากธุรกิจของคนไทย เมื่อทำกำไรได้ก็ต้องจ่ายภาษีจากกำไรที่เกิดขึ้น

ผู้ประกอบการไทยควรทำอย่างไร ยังพอมีโอกาสแข่งขันได้หรือไม่? 

สินค้าที่มาจากประเทศจีนมีราคาที่ไม่แพงมากนัก หากสู้เรื่องราคาไม่ได้อาจต้องเปลี่ยนมาที่บริการหลังการขายแทน เพราะ ผู้บริโภคบางกลุ่มไม่ได้สนใจว่าสินค้านั้นจะราคาถูกแค่ไหน แต่สนใจในด้านการบริการมากกว่า อาทิ เมื่อคุณต้องการซื้อปลั๊กไฟ คุณก็ต้องใส่ใจด้านบริการหลังการขาย สินค้ามีใบรับรองความปลอดภัย สินค้าผลิตประเทศไหน มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หรือไม่ ถึงแม้ราคาจะแพงกว่า แต่ทำให้คุณสบายใจว่าใช้แล้วปลอดภัยแน่นอน 

ในด้านบริการ การสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะสามารถทำให้คุณเอาชนะคู่แข่งได้ เช่น 

  1.  ด้านการขนส่ง มีบริการส่งฟรี รวดเร็วภายในกี่ชั่วโมง
  2.  พื้นที่บริการครอบคลุมความต้องการหรือไม่
  3.  รับประกันสินค้า มีบริการหลังการขาย แชทพูดคุย ตอบคำถามจากลูกค้าได้ทันท่วงที 
  4.  ช่องทางการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภค 

ถ้าวันนี้คุณต้องแข่งกับสินค้าจีนที่มีสินค้าเป็นร้อยล้านชิ้น ผู้ประกอบการไทยไม่ถือว่าเสียเปรียบหรือเสียโอกาสไปเสียทีเดียว เพียงแต่คุณต้องตกผลึกว่าสินค้าของคุณมีเอกลักษณ์ แตกต่างจากสินค้าอื่นอย่างไร มีการบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความประทับใจอย่างไร และมีตัวเลือกช่องทางการขายที่ครอบคลุมหรือไม่ สิ่งเหล่านี้คือวิธีการที่จะทำให้คุณสามารถต่อสู้กับพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนได้ 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

IMD จัดอันดับ Digital Competitiveness ปีนี้ ไทยร่วงจาก 35 เป็น 37 ถ้าอยากขยับขึ้น...ต้องแก้ไขตรงไหนก่อน?

ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล ประจำปี 2567 โดย IMD World Competitiveness Center ไทยได้อันดับ 37 ขยับลงจากปีก่อน 2 อันดับ (35) แล้วจะทำอย่างไรให้ไทยได้อยู่ในอัน...

Responsive image

สู่ Siri ยุคใหม่ ! เผย Apple เตรียมเปิดตัว LLM Siri ในปี 2026 ท้าแข่ง ChatGPT โดยเฉพาะ

OpenAI ถือเป็นหนึ่งในบิ๊กเทคฯ ยักษ์ใหญ่ที่มีความก้าวกระโดดด้านการพัฒนา AI หลังจากสร้างกระแสด้วยแชทบอท ChatGPT ไปเมื่อปลายปี 2022 ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็เพิ่งมีดีลกับ Apple ในการนำ Cha...

Responsive image

American Airlines เปิดตัวระบบจัดการคิวอัจฉริยะ เทคโนโลยีเสียงเตือนสองระดับ ปิดเกมสายแซงคิวขึ้นเครื่อง

เคยเจอไหม? คนแซงคิวขึ้นเครื่องจนวุ่นวายที่ประตูทางขึ้น หลังจากนี้จะไม่มีอีกต่อไป เมื่อ American Airlines แก้ปัญหานี้ด้วยเทคโนโลยีเสียงเตือนอัจฉริยะ ที่จะจับทุกความพยายามแอบขึ้นเครื...