PTG วางโรดแมป “PTG Business Outlook : Drive for Tomorrow” เพื่อยกระดับสถานีบริการน้ำมัน PT และยกระดับการบริการผ่าน PT Service Master ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพื่อความ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกด้านของช่วงชีวิต เผยปี 65 ยอดขายน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 5,316 ล้านลิตร
พร้อมเผยกลยุทธ์การรุกตลาดของพันธุ์ไทย และแผนอนาคต 5 ปี ขยายธุรกิจ Oil & Non-Oil ให้เติบโตและยั่งยืนทุกมิติ ทั้งนี้ตั้งเป้าผุดปั๊มสาขา PTG 5 ปี (2070) แตะ 2,406 สาขา ส่วนในปี 2566 นี้ ตั้งเป้าแตะ 2,206 สาขา พร้อมดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG และมุ่งสู่ Carbon Neutral ภายในปี 2050
คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG หรือ บริษัทฯ ) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดงานแถลงข่าวใหญ่ “PTG Business Outlook : Drive for Tomorrow” เพื่อต้องการสื่อสารถึงการยกระดับสถานีบริการ PT ยกระดับการบริการ PT Service Master ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ “อยู่ดี มีสุข”
ทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย โดยธุรกิจ Oil ของ PTG มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 5,316 ล้านลิตร เติบโตขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) โดยการเติบโตหลัก ๆ มาจากช่องทางการค้าปลีกผ่านสถานีบริการที่ 6.5% YoY ซึ่งยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับที่ 2
นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวสถานีบริการน้ำมัน PT ครบวงจร (PT Max Park Salaya) ซึ่งเป็น Flagship รูปแบบแรกที่ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย ติดตั้งหัวจ่ายน้ำมันระบบดิจิทัล
พร้อมทั้งจัดให้มีพนักงาน PT Service Master เข้ามาอำนวยความสะดวกในส่วนของการให้บริการจำหน่ายน้ำมัน ซึ่งทุกคนจะได้รับการฝึกอบรมเป็นพิเศษ เพื่อมาเสริมด้านการบริการให้สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่กลุ่มลูกค้า
ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT ภายใต้นามว่า Elex by EGAT Max โดย ณ สิ้นปี 2565 Elex by EGAT Max ได้ติดตั้งไปแล้ว 35 สถานี และมีแผนที่จะติดตั้งเป็น 65 สถานีในปี 2566 กระจายตามจุดสำคัญทั่วประเทศ
1.มุ่งขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยในรูปแบบของ “แฟรนไชส์” ทั้งภายในและนอกสถานีบริการน้ำมัน PT และเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ ภายในปี 2568
2.รังสรรค์เครื่องดื่มใหม่ ๆ โดยใช้วัตถุดิบที่มีรสชาติดีและหาทานได้ยากจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
3.เน้น Delivery Platform ให้มากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มการรับรู้ (Awareness) การมองเห็น (Visibility) และการเข้าถึงแบรนด์ของลูกค้า (Accessibility)
4.นำข้อมูลลูกค้าจากบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus มาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า เพื่อเพิ่มยอดขายและความถี่ของการเข้าใช้บริการร้านกาแฟพันธุ์ไทย
นอกจากนี้ ยังมี Enabler สำคัญที่ได้เข้ามาช่วยเสริม ธุรกิจ Oil และ Non-Oil ก็คือ Max Me ที่ได้เปิดตัวเมื่อไตรมาส 3 ปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็น Application ที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ลูกค้าสมาชิกบัตร PT Max Card ที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 19 ล้านสมาชิก ให้สามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสะสมแต้มเสมือนบัตร PT Max Card อีกทั้งยังมีฟังก์ชัน e-Wallet ให้สามาถใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือในยุคดิจิตอลไลฟ์สไตล์ สอดคล้องกับยุคสังคมไร้เงินสด
ในส่วนของการพัฒนาอย่างยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ ร่วมลงนามสัญญาก่อสร้างและบริหารจัดการโครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากชุมชน ณ เทศบาลเมืองบ้านพรุ จังหวัดสงขลา ขนาด 4.5 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ลงนามสัญญาก่อสร้างและบริหารกับทางเทศบาลเมืองบ้านพรุไปในปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในไตรมาส 3/2566 และคาดว่าจะเปิดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในปี 2568
โดยความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยลดปริมาณขยะสะสม ลดผลกระทบจากกลิ่นและน้ำเสีย อีกทั้งยังเป็นการนำของเสียมาก่อให้เกิดประโยชน์ และช่วยส่งเสริมสุขอนามัย สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของคนในชุมชนในละแวกดังกล่าวให้ดีขึ้น ตามวิสัยทัศน์การดำเนินงานของบริษัทฯ ที่หวังให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มมีชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกด้านของช่วงชีวิต
ภายใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะมี Retail Oil Market Share กว่า 25% มีจำนวนสมาชิก Max Card กว่า 30 ล้านสมาชิกซึ่งจะครอบคลุมคนไทยทั่วประเทศ และมีจำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยกว่า 5,000 สาขา
พร้อมพัฒนาและมุ่งหาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของ PTG สร้างประสบการณ์ O2O ที่ไร้รอยต่อ รวมถึงการใช้ Data เพื่อให้เกิด End-to-End Personalization ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
1. Expansion and Renovation โดยเดินหน้าขยายสาขาทั้งหมดปีนี้สู่ 2,206 สาขา
2. Service Innovation โดยการยกระดับการให้บริการ ซึ่งบริษัทฯ จัดตั้ง PT Service Master ขึ้นมาเพื่อให้คำแนะนำลูกค้า อีกทั้งยังมี Max Camp ให้ลูกค้าได้เข้าพักผ่อนในระหว่างการเดินทาง โดยให้บริการฟรีสำหรับสมาชิก Max Card
3. Data Optimization โดยการรวบรวมความต้องการของกลุ่มลูกค้าต่าง ๆ ผ่านทางฐานสมาชิก Max Card, Max Card Plus, Max Me และ Max Enterprise Connect เพื่อนำเสนอ Data-Driven Offerings and Promotions ให้ตรงใจ และตรงความต้องการลูกค้ามากที่สุด
“บริษัทฯ เราจะยกระดับการให้บริการภายในสถานีบริการน้ำมัน PT โดยบริการรูปแบบใหม่ “PT Service Master” ที่พร้อมดูแล แนะนำลูกค้าให้ประทับใจได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น และสามารถดูแลลูกค้าได้ทั่วประเทศ โดยทุกวันนี้มี 200 กว่าคน และเราจะเพิ่มเป็น 2,500 คน ภายใน 5 ปีข้างหน้านี้
สำหรับ PT Max Camp เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำ เตียงนอน ทีวี เครื่องซักผ้า โดยลูกค้าที่เป็นสมาชิกสามารถใช้บริการได้ฟรี โดยจะเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อความปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันตั้งอยู่ใน 64 สถานี และจะขยายเป็น 141 สถานี
ภายในปี 2570 ในปัจจุบันเรามีฐานสมาชิก Max Card ทั้งสิ้น 19 ล้านสมาชิก โดยเราจะขยายไปเป็น 30 ล้านสมาชิกในอีก 5 ปีข้างหน้า
คือ เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพิ่มยอดขาย และเพิ่มความถี่ของการเข้ามาใช้บริการธุรกิจในเครือเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้เรามีเครื่องมือ Max Me ที่เป็น Application และ e-Wallet ที่จะช่วยต่อยอดฐานสมาชิกในโลกออนไลน์ โดยภายในปีนี้คาดว่าลูกค้าจะสามารถชำระเงินผ่าน Max Me กับ Partner ของเรากว่า 1 ล้าน Touchpoints อีกทั้งเรายังมีบริการสินค้าดิจิทัล Financing และ Lifestyle ที่จะมาเชื่อมต่อกับ Max Me อีกด้วย
ทั้งนี้ เรายังมีการใช้ Digital Platform เพื่อตอบโจทย์ B2B ได้แก่ Max Enterprise Connect ซึ่งเป็น Fuel Management Platform ที่ช่วยในการบริหารต้นทุนน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาได้ตรงจุด และลดความยุ่งยากที่เกี่ยวกับเอกสาร เหมาะสำหรับผู้ประกอบการและองค์กรธุรกิจทุกขนาด โดยที่สามารถดู Real Time Data ได้ตลอด 24 ชม. และสามารถเชื่อมต่อ Microservices เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับองค์กรได้ในอนาคต
ขณะที่ คุณรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของจำนวนสถานีบริการน้ำมัน PT สิ้นปี 2565 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2,149 สถานี แบ่งเป็น สถานีบริการฯ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ (COCO) จำนวน 1,809 สถานี และสถานีบริการฯ ที่เป็นของผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์จากบริษัทฯ (DODO) จำนวน 340 สถานี
1.ร้านกาแฟพันธุ์ไทย จำนวน 511 สาขา
2.ธุรกิจ LPG แบ่งเป็น สถานีบริการ Auto LPG จำนวน 231 สถานีบริการ และร้านจำหน่ายก๊าซ LPG บรรจุถัง (Gas Shop) จำนวน 253 สาขา รวม 484 Locations
3.ร้านสะดวกซื้อ Max Mart จำนวน 309 สาขา
4.ร้านคอฟฟี่ เวิลด์ จำนวน 26 สาขา
5.ศูนย์บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs จำนวน 45 สาขา
6.ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน Maxnitron Lube Change จำนวน 52 สาขา
7.จุดพักรถ Max Camp จำนวน 64 จุด
8.สถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging) จำนวน 35 จุดชาร์จ
“ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะเพื่อชุมชน ณ เทศบาลเมืองบ้านพรุ มีขนาด 4.5 MW ซึ่งโครงการนี้จะช่วยเสริมธุรกิจ Renewable Energy ของบริษัทฯ และส่งเสริมมิติสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับกลยุทธ์ ESG ของบริษัทฯ ซึ่งมีมูลค่าโครงการโดยประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 3/2566 และเปิด COD ได้ในปี 2568 โดยผลประโยชน์ที่บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับ คือสามารถลดปริมาณขยะสะสมได้ 2-3 ล้านตัน และจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมได้ 4-5 ล้านตัน และสร้างงานสร้างโอกาสให้คนอีก 100 ตำแหน่ง ” คุณรังสรรค์ กล่าว
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด