“สิ่งมีชีวิตที่มีโอกาสจะอยู่รอดมากที่สุด ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุด หรือแข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองอยู่มากที่สุด” แนวคิดนี้จากทฤษฎีวิวัฒนาการของ Charles Darwin สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจของ SC Asset ในช่วงปีที่ผ่านมา ที่สามารถปรับตัวและเติบโตท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์
คุณณัฐพงศ์ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SC Asset กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2024 ที่ผ่านมาว่า "เป็นปีที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องเจอกับภูเขาอุปสรรค 3 ลูก ทั้งภาวะหนี้ครัวเรือนสูง อุปทานล้นตลาด และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงเปราะบาง" ทำให้การขาย การโอน หรือการเปิดตัวโครงการใหม่เป็นเรื่องที่ยาก
SC Asset ได้นำกลยุทธ์ “Go-to-Customer Marketing” มาใช้ โดยออกไปหาลูกค้าแทนการรอให้ลูกค้าเดินเข้ามาหา ผ่านการจัด Exhibition และออกบูธมากกว่า 10 ครั้งตลอดทั้งปี ผลลัพธ์จากกลยุทธ์นี้แม้จะทำให้ต้องเสียสละกำไรไปบ้าง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความคุ้มค่า ยอดขายเติบโตขึ้นทุกไตรมาส (20% ต่อไตรมาส) และ SC Asset ยังสามารถรักษาแชมป์ Market Share อันดับ 1 ของกลุ่มบ้านเดี่ยวราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปได้ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 60% ของยอดขายโดยรวม แม้ว่าตลาดโดยรวมจะมียอดขายลดลง
ความสามารถในการพัฒนายอดขายทำให้ SC Asset มีความแข็งแกร่งทางการเงินกลับมา มี Cash Flow สามารถลงทุนในที่ดินแปลงสำคัญได้ ทั้งแนวราบและแนวสูง รวมถึงที่ดินสำหรับ Warehouse และโรงแรมใหม่
คุณณัฐพงศ์กล่าวว่าในปี 2025 ภูเขาอุปสรรค 3 ลูกนั้นยังอยู่ไม่ได้ลดลง แต่จะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เพราะอุปสรรคเดิมยังคงอยู่ บวกกับมีความผันผวนต่างๆ เพิ่มเข้ามา ทำให้ SC Asset ต้องปรับตัวต่อไปเพื่อให้อยู่รอดและเติบโต
อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงคือ Purpose หรือเจตจำนงของ SC Asset ซึ่งในตอนนี้คือการสร้างคุณค่าสู่คนและโลกบนธุรกิจ โดยกำไร ผู้คน และสิ่งแวดล้อมต้องเติบโตไปด้วยกัน
1. ปรับ Portfolio: เพิ่มความหลากหลายของธุรกิจ SC Asset ให้มากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยมี 3 Engine หลัก:
2. ปรับโครงสร้างองค์กร: ปรับโครงสร้างองค์กรให้รองรับธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น ให้พนักงานเติบโตได้มากขึ้น คล่องตัว และสามารถแข่งขันได้
3. ปรับโครงสร้างต้นทุนและค่าใช้จ่าย: เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ทำกำไรได้ แต่จะไม่ลดคุณภาพและนวัตกรรม
Engine 1: ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย
SC Asset ตั้งเป้ายอดขายสำหรับปีนี้ไว้ที่ 26,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 4% จากปีที่ผ่านมา โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 15 โครงการ มูลค่ารวม 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบจำนวน 12 โครงการ มูลค่า 18,000 ล้านบาท ซึ่งไฮไลต์สำคัญของกลุ่มแนวราบคือการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ "SONLE" ที่เจาะตลาดบ้านเดี่ยวระดับ luxury ราคาเริ่มต้น 200 ล้านบาท จำนวน 5 ยูนิต ในทำเลย่านประชานุกูล ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมมีจำนวน 3 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ภายใต้แบรนด์ Reference และ COBE และนอกจากยังมีแบรนด์ที่ชื่อว่า "Matter" เป็น Townhome ที่ออกแบบมาเพื่อ Gen Z โดยเฉพาะ ซึ่งราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5.5 ล้านบาท
Engine 2: ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า
ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า SC Asset มีไฮไลต์อยู่ที่การเปิดตัวโรงแรมใหม่ 2 แห่งในไตรมาสที่ 2 คือKROMO, Curio Collection by Hilton ตั้งอยู่สุขุมวิทตรงข้ามห้าง EmSphere และ The Standard อยู่ที่พัทยา ซึ่งตั้งอยู่ติดหาดจอมเทียน สำหรับโรงแรม The Standard พัทยา นั้นเป็นการร่วมทุนกับบริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น ในสัดส่วน SC Asset 45% และ ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น 55%
บริษัทยังประกาศนโยบาย Zero Emission เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซให้ได้มากกว่า 100,000 ตันคาร์บอน ภายในปี 2030 โดยมีมาตรการดังนี้:
และเพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลง SC Asset เตรียมรีแบรนดิ้งครั้งใหญ่ในรอบ 18 ปี พร้อมเปิดตัวโลโก้และภาพลักษณ์ใหม่ ที่สะท้อนถึงความทันสมัย การพัฒนา และและทิศทางใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด