SCG แถลงผลประกอบการ 2561 ตั้งงบลงทุนใน Startup และดิจิทัล 5,000 ล้านบาท

ผลประกอบการ SCG ปี 2561 กำไรลดลงจากธุรกิจเคมิคอลส์ ขณะที่ธุรกิจแพคเกจจิ้งเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง ด้านธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีแนวโน้มดีขึ้น พร้อมมุ่งเดินหน้า 2 กลยุทธ์หลักในปี 2562 เน้นสร้างเสถียรภาพทางการเงินและบริหารจัดการความเติบโตของธุรกิจในระยะยาว โดยการส่งมอบโซลูชั่นครบวงจรและโมเดลธุรกิจใหม่ ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ ด้วยการสร้างความร่วมมือกับ startup ชั้นนำในหลากหลายภูมิภาคและสถาบันวิจัยทั่วโลก พร้อมเร่งสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าทั่วภูมิภาค

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนตรวจสอบของ SCG ประจำปี 2561 มีรายได้จากการขาย 478,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปีก่อน โดยมีกำไรสำหรับปี 44,748 ล้านบาท แต่ลดลงร้อยละ 19 จากปีก่อน จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ทั้งสถานการณ์สงครามการค้า ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ผันผวน และเงินบาทแข็งค่า จึงส่งผลต่อภาพรวมผลประกอบการของ SCG

โดยปี 2561 SCG มียอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services - HVA) 184,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 39 ของยอดขายรวม โดยใช้งบลงทุนด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกว่า 4,674 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1 ของยอดขายรวม

สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2561 SCG มีรายได้จากการขาย 117,223 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อน จากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น และการขยายตัวของตลาดในประเทศของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง โดยมีกำไรสำหรับงวด 10,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากไตรมาสก่อน จากเงินปันผลรับจากเงินลงทุนของธุรกิจเคมิคอลส์และการลงทุนในธุรกิจอื่น แต่ลดลงร้อยละ 17 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานของธุรกิจเคมิคอลส์ที่ลดลง ทั้งนี้ เอสซีจีมีรายได้จากการส่งออก 130,895 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 27 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานของเอสซีจี นอกเหนือจากประเทศไทยในปี 2561 เอสซีจีมีรายได้จากการขายในภูมิภาคอาเซียน 118,014 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25 ของรายได้จากการขายรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากปีก่อน และมีรายได้จากการขายในภูมิภาคอื่น ๆ 86,155 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18 รายได้จากการขายรวม

สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 มีมูลค่า 589,787 ล้านบาท โดยร้อยละ 28 เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน

สำหรับการขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมต่างๆ นั้น SCG จะมีทั้งการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น AI ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า, Blockchain ซึ่งเป็นระบบดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับสถาบันการเงินและคู่ค้าโดยอัตโนมัติ ให้สามารถแบ่งปันข้อมูลระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ, การพัฒนา Robotic Process Automation (RPA) และ Machine Learning ที่ช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนของระบบการผลิต ให้สินค้าผลิตออกมาอย่างมีคุณภาพและทันความต้องการของตลาด และการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep technology) ที่ตอบโจทย์เทรนด์อนาคต เช่น New advanced materials, Clean technology เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตตลอด Value chain ให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนได้มากขึ้น และเป็นแนวทางไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการมุ่งพัฒนาศักยภาพพนักงานภายใน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ผสานการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Agile Organization) การส่งเสริมกระบวนการคิดเพื่อออกแบบสินค้าและบริการด้วย Design Thinking ตลอดจนการส่งเสริมการทำงานแบบสตาร์ทอัพ เพื่อช่วยให้เข้าใจปัญหาของลูกค้าอย่างลึกซึ้งและรวดเร็ว ผ่านโครงการ “Internal Startup” ซึ่งช่วยพัฒนาผู้มีแนวคิดในการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าและธุรกิจที่มีกว่า 100 ทีม ให้สามารถพัฒนาโมเดลธุรกิจให้ตรงความต้องการของตลาดได้แล้วกว่า 40 ทีม เช่น การทำแพลทฟอร์มรวบรวมกล่องอาหารเดลิเวอรี่พร้อมบริการสั่งทำโลโก้ที่เหมาะกับทุกรูปแบบธุรกิจ หรือระบบบริหารลูกค้าและติดตามการขายสำหรับร้านวัสดุก่อสร้าง

อีกด้านหนึ่ง คือ การมุ่งสร้างความร่วมมือกับภายนอก (Open Collaboration) ทั้งการลงทุนใน startup ชั้นนำ ในหลากหลายภูมิภาค ที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมสอดคล้องกับ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ผ่าน “AddVentures” พร้อมเข้าไปเสริมศักยภาพให้ startup ที่ลงทุนไปแล้ว ทั้งการลงทุนโดยตรงใน startup 10 ราย เช่น แพลทฟอร์มที่ช่วยค้นหาบุคลากรที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีเพื่อมาต่อยอดธุรกิจด้านดิจิทัล หรือบริษัทพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดจนการลงทุนผ่านกองทุนที่ลงทุนใน startup ต่างๆ รวมถึงการต่อยอดโครงการร่วมมือเชิงพาณิชย์กับบริษัทด้านเทคโนโลยีเกือบ 100 โครงการ เพื่อนำนวัตกรรมของ startup เหล่านั้นมาต่อยอดกับธุรกิจหลักหรือสร้างเป็นธุรกิจใหม่ของ SCG ตลอดจนการร่วมมือกับสถาบันวิจัยและพัฒนา (R&D) ทั่วโลก โดยมี Open Innovation Center เป็นศูนย์กลางให้เกิดเครือข่ายการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ดียิ่งขึ้น โดยปีนี้ SCG ยังตั้งงบลงทุนต่อเนื่องใน startup เอาไว้ 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจในระยะยาว SCG จะเดินหน้าขยายโอกาสส่งออกนวัตกรรมสินค้าและบริการ ตามทิศทางตลาดโลกเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้ในอนาคต ทั้งตลาดอาเซียนที่ขยายตัวต่อเนื่อง ตลอดจนตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและเติบโตรวดเร็ว เช่น การส่งออกสินค้า เคมีภัณฑ์ไปยังตลาดจีน และการรุกธุรกิจค้าปลีกและโลจิสติกส์ในภูมิภาคต่างๆ ด้วย”

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Apple เปิดตัว ‘CarPlay Ultra’ ควบคุมรถยนต์ผ่าน iPhone เริ่มใช้งานจริงใน Aston Martin รุ่นใหม่

Apple เปิดตัว CarPlay Ultra พร้อมใช้งานใน Aston Martin และแบรนด์ชั้นนำ ฟีเจอร์ใหม่ควบคุมรถผ่าน iPhone รองรับ iOS 18.5 ขึ้นไป...

Responsive image

นักศึกษาในสหรัฐฯ ขอคืนค่าเรียน หลังพบอาจารย์ใช้ ChatGPT ทำสไลด์

นักศึกษาในสหรัฐฯ ขอคืนค่าเรียนหลังพบอาจารย์ใช้ ChatGPT สร้างเนื้อหาการสอน ทั้งที่ห้ามนักศึกษาใช้ AI กรณีนี้สะท้อนความท้าทายของการนำ Generative AI เข้าสู่ระบบการศึกษา...

Responsive image

SCB 10X ตั้ง "กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร" นั่ง CEO คนใหม่ เดินหน้านวัตกรรมและเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

SCB 10X แต่งตั้ง กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร ขึ้นเป็น CEO คนใหม่ พร้อมเดินหน้าลงทุนเทคโนโลยีระดับโลกและขับเคลื่อนนวัตกรรม เสริมศักยภาพกลุ่ม SCBX สู่อนาคต...