SCG เปิดกลยุทธ์ปี 65 ดึงเทคโนโลยี-นวัตกรรม ขับเคลื่อนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง | Techsauce

SCG เปิดกลยุทธ์ปี 65 ดึงเทคโนโลยี-นวัตกรรม ขับเคลื่อนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง

SCG กางแผนปี 2565 เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมเผย 3 กลยุทธ์ Green Construction, Living Smart at Home และ Change of Retail Experience เดินหน้าประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และนำเสนอนวัตกรรมสินค้า บริการ และโซลูชั่น ที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และเทรนด์การอยู่อาศัย-ก่อสร้าง 

SCG เปิดกลยุทธ์ปี 65 ดึงเทคโนโลยี-นวัตกรรม ขับเคลื่อนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง

ลุยจัด ‘SCG Livin’novation' ไฮบริดอีเวนต์ รวมนวัตกรรมการอยู่อาศัยและการก่อสร้างแห่งอนาคต ใต้คอนเซ็ปต์ 'Better Future Living'

พร้อมเติมเต็มทุกประสบการณ์ให้ลูกค้าด้วยการเชื่อมโยงทุกช่องทางการเลือกซื้อสินค้าและบริการทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งประกาศจัดงาน ‘SCG Livin’novation 2022’ (เอสซีจี ลีฟวิ่งโนเวชั่น 2022) ครั้งแรกกับไฮบริดอีเวนต์ที่รวมนวัตกรรมการอยู่อาศัยและก่อสร้างแห่งอนาคต เพื่อสะท้อนแนวคิด ‘Better Future Living - นวัตกรรมการอยู่อาศัยเพื่อทุกวันที่ดีกว่า’ สำหรับทุกคน ตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน  

"Waste-Health and Well-Being" ความท้าทายสองประเด็นใหญ่ของ SCG

คุณนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า สำหรับความท้าทายในช่วงที่ผ่านมาคือ เรื่องของสิ่งแวดล้อมอย่าง สภาวะโลกร้อน และอีกหนึ่งประเด็นคือเรื่องของ "ของเสีย" ซึ่งในอุตสาหกรรมการก่อสร้างนั้นมีของเสียสูงมากประมาณ 20-30% ซึ่งทรัพยากรของเราจะสูญพันธุ์ดังนั้นเราจะรักษาทรัพยากรในแวดวงการก่อสร้างได้อย่างไร นั่นจึงเป้นความท้าทายที่จะต้องเผชิญ

SCG เปิดกลยุทธ์ปี 65 ดึงเทคโนโลยี-นวัตกรรม ขับเคลื่อนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง

และในช่วงสองปีที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์โควิด เรื่องสุขภาพอนามัยกลายเป็นเรื่องสำคัญ จึงสอดคล้องกับการอยู่อาศัยที่จะทำอย่างไรให้มี Health & Well Being คือ การมีสุขอนามัยและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี

ซึ่งความท้าทายสองประเด็นใหญ่ๆนี้ส่งผลให้ CBM ก็ต้องต่อสู้ เราจึงได้วางกลยุทธ์และแผนงานเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมกับทำนวัตกรรมหลายๆอย่าง เพื่อให้ลูกค้าใช้ชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น ซึ่ง SCG CBM มีวัตถุประสงค์คือทำอย่างไรให้ของลูกค้า สังคม และโลกดีขึ้น จึงเป็นส่วนสำคัญที่เราคงอยู่เพื่อสิ่งนี้

ขณะเดียวกันกลุ่มบริษัทเอสซีจี ได้วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจระยะยาว ด้วยแนวทาง ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ) โดยเฉพาะการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พัฒนาสินค้าคาร์บอนต่ำ ซึ่งธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ถือเป็นธุรกิจเรือธงในการพัฒนานวัตกรรมสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คน

ในปี 2565 เอสซีจีจึงใช้แนวทางดังกล่าวมาเป็นกลไกขับเคลื่อน 3 ธุรกิจหลักภายใต้ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ได้แก่ Cement and Green Solution Business, Housing Products and Solution Business และ SCG Home Business 

โดยดำเนินงานควบคู่ไปกับแนวทาง ESG 4 Plus ผ่าน 3 กลยุทธ์ ดังนี้  

1. Green Construction จากปัญหาการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขยะ งบประมาณบานปลาย ระยะเวลาก่อสร้างที่ยืดเยื้อและแรงงานขาดแคลน CPAC ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับการก่อสร้างอย่างเป็นรูปธรรมและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ได้แก่ “CPAC BIM” เทคโนโลยีดิจิทัลที่ช่วยสร้างความแม่นยำในการออกแบบ ส่งเสริม การทำงานร่วมกันแบบ Collaborative Platform ให้ผู้เกี่ยวข้องเห็นภาพเดียวกัน “CPAC Drone Solution” การสำรวจพื้นที่หน้างานให้การก่อสร้างแม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น

อีกทั้งมีโซลูชั่นอื่นๆ พัฒนาขึ้นมาตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิ “CPAC 3D Printing Solution” เทคโนโลยีการพิมพ์ขึ้นรูปแบบ 3 มิติ ที่สร้างสรรค์การออกแบบได้หลากหลาย รวดเร็ว และ “CPAC Low Rise Building Solution” โซลูชั่นงานก่อสร้างบ้าน หรืออาคาร ด้วยชิ้นส่วนโครงสร้างคอนกรีตสำเร็จรูป ช่วยลดเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการก่อสร้างที่หน้างานได้อย่างน้อย 80%

ทั้งนี้ เจ้าของโครงการ ผู้รับเหมา หรือผู้ประกอบการสามารถเข้าปรึกษาและร่วมพัฒนาโซลูชั่นการก่อสร้างได้ที่ CPAC Solution Center หรือ CSC ทั้ง 23 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นศูนย์รวมความรู้และเทคโนโลยีการก่อสร้าง แบบ Open Innovation ช่วยยกระดับการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพ

SCG เปิดกลยุทธ์ปี 65 ดึงเทคโนโลยี-นวัตกรรม ขับเคลื่อนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง

2. Living Smart at Home พัฒนาและนำเสนอสินค้า บริการ และโซลูชั่นที่ตอบความต้องการของลูกค้าและสังคม สามารถแก้ปัญหา และยกระดับการอยู่อาศัยที่ดีกว่าทั้งในวันนี้ และวันข้างหน้า อาทิ ผลิตภัณฑ์และเซอร์วิสโซลูชั่นที่ช่วยส่งเสริมด้านสุขอนามัยที่ดี ได้แก่ SCG Active AIR Quality ระบบปรับคุณภาพอากาศภายในบ้าน กรองฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัส แบคทีเรียได้ 99%

รวมทั้งนำ Digital Technology และ Application ต่างๆ เข้ามาเพิ่มความสะดวกสบาย ปลอดภัย และประหยัดพลังงาน ได้แก่ SCG Smart Living Application รองรับการควบคุมและตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างสะดวกสบายในแพลตฟอร์มเดียว ทั้ง SCG Solar Roof Solutions, SCG Active AIRflow System และ SCG Active AIR Quality ทั้งนี้ ในปีนี้เตรียมจะเปิดตัวนวัตกรรมการอยู่อาศัยเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค

3. Change of Retail Experience SCG HOME ก้าวไปอีกขั้นกับการเป็นผู้ช่วยเรื่องที่อยู่อาศัย หรือ Lifetime Home Partnerมุ่งทำให้ผู้คนมีคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดียิ่งขึ้น เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยผ่านช่องทางค้าปลีกที่เชื่อมโยงทั้งหน้าร้านและออนไลน์ พร้อมสร้างความแตกต่างและตอบความต้องการลูกค้า ด้วย Service & Solution ครอบคลุมทุกขั้นตอนตั้งแต่สร้างแรงบันดาลใจในเรื่องที่อยู่อาศัย เริ่มคิดและทำที่อยู่อาศัย ออกแบบ ก่อสร้าง ปรับปรุง ต่อเติม จนถึงเข้าอยู่

รวมไปถึงบริการดูแลรักษาบ้าน เช่น ตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้าน และติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น นอกจากนั้น ยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเติมเต็มประสบการณ์การซื้อขาย อาทิ Smart Display ให้เจ้าของบ้านได้เลือกซื้อสินค้าด้วยตนเองผ่าน QR Scan เพื่อดูสินค้า ข้อมูลทางเทคนิค และยังเห็นราคาและสต็อคสินค้าตามเวลาจริง และ Virtual Store ที่ให้ลูกค้าท่องร้านบนโลกเสมือนแบบ 360 องศา ได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นต้น

และเพื่อให้การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดSCG HOME ได้ร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อยกระดับการทำงานของกลุ่มร้านค้า ช่าง และผู้รับเหมา อาทิ แพลตฟอร์มจัดซื้อวัสดุก่อสร้างออนไลน์ “รักเหมา” แพลตฟอร์มสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างออนไลน์ “Prompt Plus” (พร้อมพลัส) และแพลตฟอร์มซื้อขายวัสดุก่อสร้างออนไลน์ “Promptdee” (พร้อมดี) เป็นต้น

SCG Livin’novation 2022 นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยและการก่อสร้างแห่งอนาคต

ทั้งนี้ล่าสุด เอสซีจีเดินหน้าจัดงาน ‘SCG Livin’novation 2022’ (เอสซีจี ลีฟวิ่งโนเวชั่น 2022) ครั้งแรกกับงานแสดงนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยและการก่อสร้างแห่งอนาคต ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Better Future Living - นวัตกรรมการอยู่อาศัยเพื่อทุกวันที่ดีกว่า’

โดยนำนวัตกรรมสินค้าและโซลูชั่นมากมาย มาจัดแสดงในมุมมองภาพแห่งอนาคตของที่อยู่อาศัย และการใช้ชีวิตประจำวันในเมืองที่ดียิ่งขึ้น สามารถไปสัมผัสประสบการณ์แบบออนกราวด์ ที่ SCG HOME Experience สาขาเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา (CDC) เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 5-10 เมษายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ซึ่งมีโซนนวัตกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ Smart Innovation Frontier นวัตกรรมการอยู่อาศัยแห่งอนาคต และ Smart Solar Forest สวนแห่งพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์  พร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในรูปแบบ Metaverse ครั้งแรกของ SCG ได้ที่ SCGlivingverse.com

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

อีคอมเมิร์ซจีนเร่งบุกตลาดต่างประเทศ รับมือเศรษฐกิจซบเซา ผ่านแคมเปญ Singles Day

หลังจากเทศกาลช้อปปิ้งวันคนโสดปีที่แล้วที่ซบเซาที่สุดในประวัติศาสตร์ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีนจึงตระหนักว่าการขยายตลาดไปต่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็น...

Responsive image

Pink Tech ไทย กำลังมา! ศูนย์ AI มธ. ชี้ กรุงเทพฯ จ่อขึ้นแท่นศูนย์กลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รายงานล่าสุด "Unlocking the Power of Pink Tech in Thailand" โดยศูนย์ AI มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ Canvas Ventures International (CVI) เผยให้เห็นศักยภาพอันมหาศาลของประเทศไทยในกา...

Responsive image

IMD จัดอันดับ Digital Competitiveness ปีนี้ ไทยร่วงจาก 35 เป็น 37 ถ้าอยากขยับขึ้น...ต้องแก้ไขตรงไหนก่อน?

ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล ประจำปี 2567 โดย IMD World Competitiveness Center ไทยได้อันดับ 37 ขยับลงจากปีก่อน 2 อันดับ (35) แล้วจะทำอย่างไรให้ไทยได้อยู่ในอัน...