สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมมือกับพันธมิตร จัดงาน “SEC FinTech Day 2017” ภายใต้แนวคิด “Crossing Boundaries Together” ประกาศจุดยืนในการสนับสนุน FinTech ให้พัฒนาต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพ ปลุกกระแสให้ทุกภาคส่วนในตลาดทุนตื่นตัวและเตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านธุรกรรมการเงินและการลงทุนที่กำลังเกิดขึ้น พร้อมส่งเสริมความร่วมมือในการสร้างสรรค์นวัตกรรม FinTech ระหว่างกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจการเงินและการลงทุน และกลุ่ม FinTech Startups ณ ศูนย์ C asean อาคารไซเบอร์เวิลด์
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. เผยว่า “ปัจจุบันพัฒนาการทางเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจนในทุกด้านของชีวิต รวมถึงภาคการเงินการลงทุนที่นวัตกรรมจะเป็นแรงผลักดัน (driving force) สำคัญให้เกิดเสรีภาพของบริการด้านการเงิน (democratization of financial services) กล่าวคือ ประชาชนจะสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและตลาดทุนได้หลากหลายและแพร่หลายยิ่งขึ้นโดยมีต้นทุนที่ต่ำลง รวมทั้งบริการทางการเงินต่าง ๆ ก็จะ customize ได้อย่างเหมาะสมกับโจทย์และความต้องการของแต่ละคน งาน SEC FinTech Day 2017 ในครั้งนี้จึงเป็นหนึ่งในความพยายามของ ก.ล.ต. ที่จะกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนในตลาดทุนตื่นตัวและเห็นความสำคัญกับกระแสของ FinTech พร้อมปรับตัว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และก้าวสู่ยุคต่อไปของตลาดทุนไทยไปด้วยกัน (crossing boundaries together) โดยก.ล.ต. พร้อมให้การสนับสนุนทั้งในฝั่งผู้ประกอบการเดิม และ FinTech Startups ที่เป็นผู้เล่นรายใหม่ ด้วยการสร้างregulatory framework และ ecosystem ที่เอื้ออำนวยให้ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ เพื่อmaximize โอกาสของตลาดทุนไทย โดยยังสามารถจัดการข้อกังวลหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม”
ทั้งนี้หนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของ ก.ล.ต. ในช่วง 3 ปีนี้จะเน้นเรื่องการขับเคลื่อนความสามารถในการแข่งขันและการลดความเหลื่อมล้ำด้วยเทคโนโลยี (Driving Competitiveness and Inclusiveness with Technology) เพื่อให้ผู้ที่เดิมอาจไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินหรือตลาดทุนได้รับการบริการอย่างทั่วถึง รวมทั้งช่วยทำให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลและอำนาจต่อรองมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการของไทยและ FinTech startups เองก็สามารถนำเทคโนโลยีทางการเงินมาปรับใช้กับ business model ของตน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันได้ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก ซึ่งจะช่วยสร้างความเติบโตให้ตลาดทุนไทย ปัจจุบัน ก.ล.ต. กำลังเริ่มดำเนินการสร้าง regulatory sandbox เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจที่มีความคิสร้างสรรค์สามารถทดสอบแนวคิดกับลูกค้าจริงในขอบเขตจำกัดโดยยังไม่มีต้นทุนในการปฏิบัติตาม regulatory requirements ที่สูงจนเกินไป ขณะเดียวกัน ก.ล.ต. เองก็จะมีโอกาสทำความเข้าใจรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ นี้ เพื่อให้กำกับดูแลได้อย่างเหมาะสม โดยในช่วงแรกจะเปิด sandbox ในด้านที่ปรึกษาการลงทุน การจัดการกองทุนส่วนบุคคล clearing & settlement และ trading platform ซึ่งเปิดให้ผู้ประกอบการที่สนใจลองเข้ามาหารือกับ ก.ล.ต. ได้เต็มที่
“สำหรับกิจกรรมหลักๆ ในงาน SEC FinTech Day 2017 นั้น จะมุ่งเน้นให้ข้อมูลและแนวโน้มการเติบโตของFinTech แก่ผู้ประกอบธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์และบริษัทจัดการการลงทุน โดยเชิญวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญจากทั้งในและต่างประเทศมาร่วมอัพเดทข้อมูล พร้อมนำผู้ประกอบการ FinTech Startups ที่ประสบความสำเร็จ และ กลุ่ม Potential FinTech Startups มานำเสนอผลงาน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแข่งขัน FinTech Challenge โครงการพัฒนาความคิดและประกวดผลงานนวัตกรรมด้านการเงิน การลงทุน และการประกันภัยรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งผลงานของ 10 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายนั้นจะมีส่วนช่วยคิดค้นสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย และมีความเฉียบคมขึ้น รวมทั้งช่วยลดต้นทุนทั้งระบบอีกด้วย”
งาน “SEC FinTech Day 2017” ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่
1. การบรรยายพิเศษและการเสวนา
เพื่อให้ทราบถึงแนวโน้มการเติบโตของ FinTech และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ผู้กำกับดูแล ผู้ประกอบการ FinTech ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้าน FinTech ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ตัวอย่างหัวข้อที่น่าสนใจ ได้แก่ “Incumbents vs. FinTech Startups – Competitors, Collaborators or Somewhere in-between?” และ “The Rise of FinTech in Thailand” รวมไปถึงนวัตกรรมใหม่ๆ อาทิ Cybersecurity,RegTech and the Role of Compliance, e-KYC Utility Platform
2. นิทรรศการ FinTech
เป็นนิทรรศการในรูปแบบที่ทันสมัย ให้ความรู้ด้าน FinTech ในตลาดทุน และบทบาทหน้าที่ของสำนักงาน ก.ล.ต. ในการสนับสนุนพัฒนาการด้านดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีการออกบูธนำเสนอผลงานของผู้ประกอบการ FinTech Startups ต่างๆ ซึ่งรวมถึงบูธแสดงผลงานของผู้เข้ารอบ FinTech Challenge 10 ทีมสุดท้ายเพื่อเป็นตัวอย่างอีกด้วย
ตัวอย่าง Startups ที่มาออกบูธ เช่น Beacon Interface, FINNOMENA, StockRadars
3. กิจกรรมการแข่งขัน FinTech Challenge
รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาความคิดและประกวดผลงานนวัตกรรมด้านการเงิน การลงทุน และการประกันภัย เพื่อส่งเสริมให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมนำ FinTech เข้ามาพัฒนาหรือปรับใช้กับการประกอบธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้มากยิ่งขึ้น โดย 10 ทีมสุดท้ายที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศจะได้รับทุนสนับสนุนการสร้างต้นแบบนวัตกรรม ทีมละ 20,000 บาท โดยมีที่ปรึกษา และทีมงานคอยให้คำปรึกษาในการทำโครงการของแต่ละทีมอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอผลงานให้คณะกรรมการผู้ทรงวุฒิตัดสิน โดยจะมีการประกาศผลผู้ได้รับทุนสนับสนุนนวัตกรรมยอดเยี่ยมจำนวน 3 ทุน รวม 250,000 บาท ในงาน “SEC FinTech Day 2017”
โดยรายชื่อของ FinTech ที่เข้ารอบ 10 ทีมสุดท้าย ได้แก่
- CoinEx
- aBorrow
- จับจ่าย
- สานฝัน
- PetInsure
- SmartContract Thailand
- C3. Finance
- PrivateChain
- PeerPower
- FundRadars
เกณฑ์การตัดสิน ประกอบไปด้วย
- ความคิดสร้างสรรค์
- Business Model
- ความเป็นไปได้ในการพัฒนา
- ความเป็นไปได้ในการใช้จริง
สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขัน ได้แก่
- ทีม C3.Finance รางวัล Rising Star
- ทีม PrivateChain รางวัล Innovative FinTech
- ทีม สานฝัน รางวัล Popular Vote
Techsauce ขอแสดงความยินดีกับทุกๆ ทีม