รัฐบาลสหรัฐกล่าวว่าการนอนหลับในออฟฟิศหรือที่ทำงานเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าถึงเวลาที่พวกเขาต้องทบทวน
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจเข้มงวดในเรื่องการนอนหลับในที่ทำงาน โดยออกคำสั่งห้ามอย่างชัดเจนสำหรับพนักงานของรัฐบาล "ห้ามมิให้บุคคลทุกคนนอนหลับในอาคารของรัฐบาลกลางยกเว้นเมื่อกิจกรรมดังกล่าวได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน" คำสั่งดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
ในปีพ. ศ. 2561 สำนักงานผู้ตรวจสอบของรัฐแคลิฟอร์เนียได้ออกรายงานเกี่ยวกับคนงานบริษัทยานยนต์ที่นอนไม่เกินสามชั่วโมงต่อวัน ซึ่งทำให้สูญเสียประสิทธิภาพในการทำงาน
ดร. ลอเรนซ์ เอพสไตน์ อดีตประธานสถาบันเวชศาสตร์การนอนหลับแห่งสหรัฐอเมริกาและผู้อำนวยการด้านการแพทย์คลินิกเวชศาสตร์การนอนหลับที่ Brigham และโรงพยาบาลสตรีใน Boston ประเมินว่าชาวอเมริกันประมาณ 70 ล้านคนต้องทนทุกข์ทรมานจากความผิดปกติในการนอนหลับ
ผลการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์เมื่อเร็ว ๆ นี้จากมหาวิทยาลัย Indiana’s Ball ค้นพบว่าจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม มีเวลานอนหลับเจ็ดชั่วโมงต่อวัน ซึ่งมีอัตราเพิ่มขึ้นเพียง 5% จากปี 2010 ในส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์มีรายงานการนอนหลับว่าไม่เพียงพอ
“บางบริษัทเริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้นและกำลังหาทางแก้ไขปัญหา แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่คิดว่าหน่วยงานรัฐบาลของเราจะเป็นผู้นำในเรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่สามารถและควรได้รับการแก้ไข การอดนอนทั้งหมดนั้นอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คนและเศรษฐกิจ” Epstein กล่าวกับ BBC
การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลกระทบโดยตรงกับสุขภาพ ทั้งโรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองรวมถึงปัญหาสุขภาพจิตเช่นความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
การวิเคราะห์ในปี 2559 จัดทำโดย Rand Corporation ตอกย้ำผลกระทบของคนงานที่อดนอนนั้น กระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มูลค่า 411 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
Epstein และผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ สนับสนุนให้คนงานงีบหลับขณะทำงาน “คนที่อดนอนไม่สามารถปฏิบัติงานได้ดี และมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุใน อาจทำให้บริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นเพราะพวกเขามีปัญหาสุขภาพมากขึ้น” Epstein กล่าว
ประเทศอื่นๆนั้นเริ่มสนับสนุนเรื่องการนอนกหลับ เช่นในญี่ปุ่นที่ให้พนักงานมีเวลาพักผ่อน
อ้างอิงจาก BBC
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด