
โลกกำลังอยู่ในสภาวะ 'ไม่สงบ ไม่รบ' (Not at war, not at peace) นี่คือธีมหลักที่สะท้อนภาพความเป็นจริงอันซับซ้อนของยุคปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ในมิติภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) แต่ยังชัดเจนที่สุดใน 'โลกไซเบอร์' ดินแดนที่การแข่งขัน, ความขัดแย้ง, และการแบ่งส่วนทางเศรษฐกิจ ปรากฏอย่างเข้มข้นยิ่งกว่าที่เคย
"เรามาพบกันในวันนี้ภายใต้หัวข้อที่สะท้อนความซับซ้อนของยุคสมัยของเรา 'ไม่สงบ ไม่สงคราม' วลีนี้ไม่ได้สะท้อนแค่ในโลกไซเบอร์ แต่ยังอธิบายโลกที่เราอาศัยอยู่ ซึ่งเต็มไปด้วยการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งระดับภูมิภาค และการแบ่งแยกทางเศรษฐกิจ"
แต่ในโลกไซเบอร์ ความตึงเครียดนี้ปรากฏชัดเจนที่สุด มันเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยเต็มที่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเต็มไปด้วยความเสี่ยงไปทั้งหมด ไม่ได้ถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ไม่ได้ไร้การกำกับดูแลโดยสิ้นเชิง เป็นพื้นที่ซึ่งเครื่องมือแห่งความก้าวหน้าและเครื่องมือแห่งการทำลายล้างอยู่ใกล้กันเพียงนิดเดียว
เราอยู่ในยุคแห่ง "ความเป็นอิสระทางดิจิทัลที่ปราศจากความไว้วางใจ" เศรษฐกิจ สังคม และประชาธิปไตยของเราล้วนพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเดียวกัน แต่ความเชื่อมั่นในความปลอดภัยกลับลดน้อยลง การโจมตีทางไซเบอร์ต่อโรงพยาบาล เครือข่ายพลังงาน และระบบไฟฟ้า ได้แสดงให้เห็นว่าแกนหลักทางดิจิทัลของเราเปราะบางเพียงใด ข้อมูลบิดเบือนแพร่กระจายเร็วกว่าความจริง เทคโนโลยีเกิดใหม่เช่น AI และควอนตัมคอมพิวติ้ง แม้จะให้ประโยชน์มหาศาล แต่ก็นำมาซึ่งการแข่งขันเชิงกลยุทธ์ในมิติใหม่ๆ
นี่คือความย้อนแย้งแห่งยุคสมัย ยิ่งเราเชื่อมต่อกันมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเปราะบางมากขึ้นเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกัน การเชื่อมต่อนี้ก็มอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เรา นั่นคือความสามารถในการร่วมมือกัน
สำหรับสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเป็นประเทศขนาดกลางแต่มีความเป็นดิจิทัลสูงในใจกลางยุโรป ความร่วมมือด้านไซเบอร์ระหว่างประเทศไม่ใช่แค่ความปรารถนา แต่เป็นสิ่งจำเป็น เราได้เรียนรู้ (บางครั้งจากประสบการณ์อันเจ็บปวด) ว่าไม่มีประเทศใด ไม่ว่าจะใหญ่หรือทันสมัยแค่ไหน จะสามารถรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ได้โดยลำพัง ดังนั้น การตอบสนองของเราต้องเป็นการร่วมมือกันบนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนและความไว้วางใจ
ในฐานะส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรปและนาโต้ รวมถึงบทบาทที่แข็งขันในกระบวนการทางการทูตด้านไซเบอร์ของสหประชาชาติ สาธารณรัฐเช็กกำลังทำงานเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระดับโลก และสร้างความมั่นใจว่าระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนกฎเกณฑ์จะขยายไปสู่โลกไซเบอร์ด้วย
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ประชาคมระหว่างประเทศมีความคืบหน้าอย่างมาก เราได้ยอมรับว่ากฎหมายระหว่างประเทศมีผลบังคับใช้ในโลกไซเบอร์ เราได้ตกลงเกี่ยวกับบรรทัดฐานของพฤติกรรมรัฐที่รับผิดชอบ แต่ความท้าทายในปัจจุบันไม่ใช่การขาดหลักการ แต่คือ ช่องว่างระหว่างพันธสัญญาและการปฏิบัติตาม
เราจำเป็นต้องเปลี่ยนจากความเห็นพ้องบนกระดาษไปสู่ความร่วมมือในทางปฏิบัติ ซึ่งหมายถึงการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามอย่างรวดเร็วและกว้างขวางขึ้น การสนับสนุนประเทศที่ขาดขีดความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองต่อเหตุการณ์ทางไซเบอร์ และการพัฒนากลไกเพื่อส่งเสริมความรับผิดชอบเมื่อมีผู้ละเมิดบรรทัดฐานเหล่านี้ เพราะการป้องปรามในโลกไซเบอร์ไม่ได้มาจากความลับ แต่มาจากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
วิสัยทัศน์ของสาธารณรัฐเช็กคือโลกดิจิทัลที่เปิดกว้าง ปลอดภัย ยืดหยุ่น ตั้งอยู่บนกฎเกณฑ์ มีความรับผิดชอบ และมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง วิสัยทัศน์นี้ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่เป็นแนวทางปฏิบัติที่เกิดจากความเข้าใจว่าสันติภาพในโลกไซเบอร์ไม่ใช่การไม่มีความขัดแย้ง แต่คือการมีความร่วมมือ
สร้างแนวร่วมแห่งความไว้วางใจ เราต้องการพันธมิตรที่ยืดหยุ่นและครอบคลุม ไม่ใช่แค่ระหว่างรัฐที่มีแนวคิดคล้ายกัน แต่รวมถึงระหว่างภาครัฐและเอกชน เพราะความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ 80% และเทคโนโลยีเพียง 20%
ถึงเพื่อนร่วมงานจากภาคเอกชน พวกท่านไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของทางออก แต่เป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ พื้นที่ไซเบอร์ส่วนใหญ่ถูกเป็นเจ้าของ ดำเนินการ และปกป้องโดยภาคอุตสาหกรรม ความเชี่ยวชาญและความคล่องตัวของท่านขับเคลื่อนความยืดหยุ่น ในขณะที่รัฐบาลนำมาซึ่งความชอบธรรม ความสอดคล้องทางนโยบาย และพลังทางการทูต
โลกไซเบอร์ไม่สามารถแบ่งแยกได้ด้วยกำแพงหรือมหาสมุทร ความมั่นคงขึ้นอยู่กับความเต็มใจของเราที่จะร่วมมือกัน ขอให้เราเลือกความร่วมมือแทนการเผชิญหน้า และเปลี่ยนความไม่แน่นอนให้เป็นโอกาส เพื่อให้แน่ใจว่าการปฏิวัติดิจิทัลยังคงเป็นพลังเพื่อสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และความก้าวหน้าร่วมกัน

จากประสบการณ์ตรงของ Ambassador Burhan Gafoor, Permanent Representative of Singapore to the United Nationsในฐานะประธานคณะทำงานปลายเปิด (OWG) ของสหประชาชาติ Ambassador Burhan ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของเวทีพหุภาคี ท่านชี้ว่า "สหประชาชาติคือเวทีสำหรับการเจรจา ไม่ใช่แค่กับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายกัน... เราต้องรับฟังผู้คนที่มีมุมมองที่แตกต่าง"
ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินการร่วมกันอย่างแท้จริง การเจรจาที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน (respectful dialogue) คือรากฐานสำคัญในการจัดการกับความไม่ไว้วางใจที่แพร่หลาย
Ambassador Burhan ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมจากเวที OWG เช่น การจัดทำ ไดเรกทอรีผู้ประสานงาน (POC Directory) ระดับโลก ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารในภาวะวิกฤตเพื่อ "หลีกเลี่ยงการบานปลายโดยไม่ได้ตั้งใจ" และการกำหนด มาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ (CBMs) ซึ่งเป็นก้าวเล็กๆ ที่มีความหมายในการสร้างความไว้วางใจระดับโลก โดยเฉพาะ CBM ข้อที่ 8 ที่ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ท่านเสนอว่าเส้นทางข้างหน้าคือการ "เชื่อมโยงจุดต่างๆ" (Connect the dots) ระหว่างความพยายามในระดับโลก, ระดับภูมิภาค (เช่น อาเซียน), และระดับอนุภูมิภาค เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน และยกระดับความสามารถของประเทศกำลังพัฒนาให้ก้าวทัน
Manon Le Blanc, Coordinator for Cyber Issues and Deputy Head of the Hybrid Threats and Cyber Division, European External Action Service ได้ให้มุมมองว่า ปัญหาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ตัวเทคโนโลยี แต่อยู่ที่ เจตนาของรัฐที่ใช้งานมัน "คุณสามารถใช้ AI เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น แต่คุณก็สามารถใช้ AI เพื่อกำหนดเป้าหมายโดรนได้เช่นกัน"
สหภาพยุโรปพยายามเป็นต้นแบบในการแปลกรอบการทำงานของสหประชาชาติให้กลายเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ได้จริงในระดับภูมิภาค เช่น คำสั่ง NIS (Network and Information Security Directive) และ กฎหมายความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ (Cyber Resilience Act)
เธอย้ำว่า การหารือในอนาคตต้องสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง (Actionable) สำหรับผู้ปฏิบัติงานหน้างาน โดยต้องมีการลงทุนในการสร้างขีดความสามารถ (Capacity Building) ทั้งในระยะยาว (การสร้างยุทธศาสตร์, ทีม CERT) และระยะสั้น (การตอบสนองอย่างรวดเร็ว) การผสมผสานระหว่าง การสร้างขีดความสามารถ, การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน, และการสนับสนุนการตอบสนองที่รวดเร็ว จะช่วยให้ทุกประเทศสามารถยืนหยัดต่อสู้กับภัยคุกคามได้อย่างเท่าเทียม

Jessica Hunter, Ambassador for Cyber Affairs and Critical Technology Australia มองว่า "ความไว้วางใจ" ไม่ได้หายไปไหน แต่ปรากฏให้เห็นได้จากการรวมตัวของผู้คนจากหลากหลายภาคส่วนในเวทีเสวนานี้ "เมื่อดิฉันมองไปรอบๆ สิ่งที่ดิฉันเห็นคือกลุ่มบุคคลจากหลากหลายสาขา... ที่มารวมตัวกันในสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง ปลอดภัย และเป็นกลาง... ที่แก่นของทั้งหมดนี้ สิ่งที่ดิฉันเห็นคือความไว้วางใจ"
เธอเชื่อว่าเส้นทางข้างหน้าคือการพัฒนาใน 3 ด้านหลัก
การเสวนาครั้งนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ความมั่นคงปลอดภัยไม่ใช่สิ่งที่ประเทศใดจะสร้างขึ้นได้เพียงลำพัง เส้นทางข้างหน้าต้องอาศัยการดำเนินการร่วมกันอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม โดยเปลี่ยนจากข้อตกลงระดับสูงมาสู่การปฏิบัติในทุกระดับ การสร้างความไว้วางใจผ่านการกระทำที่โปร่งใส การลงทุนในการสร้างขีดความสามารถอย่างทั่วถึง และการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและเอกชน คือหนทางเดียวที่จะนำพาโลกดิจิทัลไปสู่อนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับทุกคน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด