สิงคโปร์เตรียมลดการสอบวัดผลในเด็ก สมุดพกไม่ระบุใครสอบได้ที่เท่าไหร่

กระทรวงศึกษาสิงคโปร์เตรียมลดการสอบวัดผลในเด็ก สมุดพกไม่ระบุใครสอบได้ที่เท่าไหร่

เมื่อไม่นานมานี้กระทรวงศึกษาธิการของประเทศสิงคโปร์พึ่งประกาศข่าวว่าปีหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงระบบการวัดผลแบบใหม่ โดยจะเริ่มจากไม่มีการสอบในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (ปัจจุบันประถมศึกษาปีที่ 1 ได้ยกเลิกไปแล้ว) และจะทยอยลดการสอบกลางภาคในระดับชั้นที่โตขึ้นอีกหลายชั้น โดยการวัดผลแบบใหม่จะดูที่พัฒนาการของเด็กตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นรูปแบบที่หลากหลาย อาทิ การทดสอบในห้องเรียน, การนำเสนอผลงาน หรือการทำโครงการร่วมกับเพื่อนๆ

เชื่อว่าความทรงจำวัยเด็กตอนได้รับสมุดพก แล้วเปิดมาว่าได้ที่ไม่ค่อยดี แทบไม่กล้าอยากเอาไปให้คุณพ่อ คุณแม่ดูเลยใช่ไหม ทั้งกลัว และอายเพื่อนๆ ด้วย ลองจินตนาการดูว่าเมื่อการสอบในเด็กๆ เริ่มลดลงไป สิ่งที่แสดงในสมุดพกก็จะไม่ใช่ข้อมูลที่คอยบอกว่าเด็กๆ จะสอบได้ที่เท่าไหร่ และเพื่อนๆ ก็ไม่เอามาล้อ หรือกดดันกัน

รูปแบบเดิมของสมุดพก

รูปแบบใหม่ที่ไม่มีการระบุว่าสอบได้ที่เท่าไหร่ของห้อง และชั้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ Ong Ye Kung บอกว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างความสนุกในการเรียนรู้และการศึกษาในขณะเดียวกันครูเองก็ต้องรีบเร่งกับการทำงานเป็นระบบ ทั้งเตรียมการสอน, เตรียมข้อสอบ, เตรียมตรวจข้อสอบ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรามีมาแต่ดั้งเดิม เมื่อกระบวนการเปลี่ยนแปลง จะทำให้คุณครูมีเวลามากขึ้นในการพัฒนาทักษะตัวเองและเตรียมเนื้อหาที่ดีให้กับเด็กๆ แทน

นอกจากนี้จาก Edusave Merit Bursary ซึ่งเป็นรางวัลแก่เด็กสิงคโปร์ที่ฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวย และเดิมวัดผลจากคะแนนของการเรียน จะปรับเปลี่ยนไปในรูปแบบอื่น เช่น วัดความพากเพียร ความช่างสงสัย/อยากรู้อยากเห็น การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความกระตือรือร้น จากกิจกรรมการเรียนต่างๆ เป็นต้น

ที่มา : ChannelNewsAsia ภาพจาก Edutopia.org channel on youtube

ความคิดเห็นกองบรรณาธิการ

เราอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่าวิธีและกระบวนการนี้จะสำเร็จมากน้อยแค่ไหน และเป็นเส้นทางที่ปฏิรูปวงการศึกษาได้จริงหรือไม่ แต่ต้องขอยกย่องประเทศสิงคโปร์ที่กล้าสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เพราะถ้าเรายังเดิมตามระบบรูปแบบเดิมๆ ที่ฝังรากกันมาอย่างยาวนาน การทำอะไรแบบเดิมๆ ก็ย่อมได้ผลลัพธ์แบบเดิมๆ ที่เราเห็นอยู่ดี และเราก็ไม่เห็นทางออกว่าการวัดผลประสิทธิภาพเด็กจากการสอบเพียงอย่างเดียว จะช่วยทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่อย่างใด คนที่เรียนเก่งมาก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคมและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เสมอไป ทักษะเรื่อง Soft skill สำคัญยิ่งนัก และระบบเดิมก็ให้น้ำหนักกับ Hard skill เป็นอย่างมาก เด็กทุกคนมีความแตกต่าง มีจุดแข็งที่ไม่เหมือนกัน เรากำลังจับลิงไปว่ายน้ำ หรือกำลังให้ปลาปีนต้นไม้ แล้วเราวัดผลแบบนั้นอยู่หรือเปล่า? พวกเราผู้ใหญ่เคยผ่านระบบเหล่านี้มาแล้วทั้งนั้น ผู้อ่านคิดเห็นกันอย่างไร?

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

WHA Group ผนึก ’Green Mobility‘ กลุ่มธุรกิจที่ 5 ตั้งธง 5 ปี รายได้ 1.5 แสนล้าน

WHA Group เปิดเผยว่า ปี 2568 มุ่งเน้นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ครอบคลุมธุรกิจล่าสุดอย่าง Mobility โดยพัฒนาเป็นโซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ภายใต้...

Responsive image

รู้จัก เหลียง เหวินเฟิง CEO และผู้ก่อตั้ง Deepseek จากอดีตเฮดจ์ฟันด์ สู่ผู้ท้าทายยักษ์ใหญ่ AI โลก

รู้จัก เหลียง เหวินเฟิง ผู้อยู่เบื้องหลังของ DeepSeek จากอดีตผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ สู่ CEO และผู้ก่อตั้ง Deepseek ที่พกความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งส...

Responsive image

‘HoriXon T8' ธุรกิจใหม่ใต้ปีก TIPH x BE8 สู่ฮับ AI-Powered Insurance ภูมิภาค

TIPH จับมือ BE8 เปิดตัว HoriXon T8 หรือ 'T8' บริษัท ฮอไรซอน ที 8 จำกัด เพื่อปฏิวัติ Insurance Ecosystem ให้อุตสาหกรรมประกันภัย ด้วย AI-Powered Digital Transformation...