ทำไมสิงคโปร์ ถึงกลายเป็นที่ลงทุนด้าน Deep Tech จากทั่วโลก ? | Techsauce

ทำไมสิงคโปร์ ถึงกลายเป็นที่ลงทุนด้าน Deep Tech จากทั่วโลก ?

แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่การลงทุนเกิดการชะลอตัว แต่ไม่ใช่สำหรับ ‘สิงคโปร์’ ที่กำลังผงาดขึ้นอย่างเงียบๆ ในฐานะศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน “Deep Tech” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกิดจากงานวิจัยเชิงลึกในสาขาต่างๆ เช่น ยานยนต์ไร้คนขับ เซมิคอนดักเตอร์ หุ่นยนต์ และเภสัชภัณฑ์ ซึ่งกำลังได้รับเงินระดมทุนครั้งใหญ่จากนักลงทุนที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลก ทั้งสหรัฐฯ ไต้หวัน ญี่ปุ่น

ตัวอย่างเช่น Moovita สตาร์ทอัพสิงคโปร์ ได้รับใบอนุญาตให้บริการรถโดยสารไร้คนขับในจีน แม้จะต้องแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนก็ตาม นี่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสตาร์ทอัพ Deep Tech จากสิงคโปร์ในเวทีโลก 

การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และจีน และการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานโลก ทำให้หลายประเทศต้องการพึ่งพาตนเองมากขึ้นในด้านเทคโนโลยีสำคัญ สิงคโปร์จึงฉวยโอกาสนี้ในการพัฒนาอุตสาหกรรม Deep Tech โดยเฉพาะในด้านเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ

เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา ปริมาการลงทุนใน Deep Tech ที่สิงคโปร์เพิ่มขึ้นเป็น 31% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สวนทางกับปริมาณการลงทุนที่ลดลง 20% ซึ่งด้วยปริมาณการลงทุนที่เพิ่มขึ้นใน Deep Tech ส่งผลให้สิงคโปร์ก้าวกระโดดสู่ประเทศอันดับต้นๆ ที่เต็มไปด้วย Ecosystem ของสตาร์ทอัพ โดยขยับจากอันดับที่ 18 ในปี 2022 มาเป็นอันดับที่ 7 ในปี 2024 ซึ่งนับว่าเป็นอันดับสูงสุดของประเทศในเอเชีย

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สิงคโปร์ได้เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในกลุ่มสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยเป็นที่ตั้งของบริษัทรุ่นใหม่ประมาณ 4,500 แห่ง และบริษัทเงินร่วมลงทุน (VC) กว่า 400 แห่ง มีฐานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และวิศวกรเกือบ 40,000 คน โดยเป็นผลมาจากรากฐานที่แข็งแกร่งของประเทศทั้งในเรื่องของทำเลที่ตั้ง การสนับสนุนจากรัฐบาล และนโยบายภาษีที่เอื้ออำนวย สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เติบโต

อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตคือ กิจกรรมต่างๆ เช่น Singapore Week of Innovation and Technology (SWITCH) ซึ่งในปีที่แล้วดึงดูดผู้เข้าร่วมได้ 15,000 คน รวมถึง Research, Innovation and Enterprise (RIE) Deep Tech Day ซึ่งรวมนักวิจัยและผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรม ที่พร้อมหารือเกี่ยวกับวิธีการยกระดับ Ecosystem ที่กำลังเติบโต

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่รู้จักในด้านเทคโนโลยีผู้บริโภค เช่น อีคอมเมิร์ซ การเรียกรถ และการชำระเงิน ซึ่งทั้งหมดได้รับผลกระทบจากภาวะเงินทุนตกต่ำ สำหรับช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน เงินทุนในภูมิภาคมีมูลค่ารวม 2.29 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลของ DealStreetAsia และลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี


สาเหตุที่เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้อย่างหนักหน่วงในสิงคโปร์ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานที่ทำให้รัฐบาลต้องการคว้าโอกาสนี้ไว้ ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดสุดคือ การพัฒนาวัคซีน mRNA ที่ทำให้ทั่วโลกสามารถต่อสู้กับ COVID-19 

ปีที่แล้ว ดีลการลงทุนด้านดีพเทคที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์คือ 139 ล้านดอลลาร์ที่ระดมทุนโดย Silicon Box บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในสิงคโปร์ ซึ่งมีแผนที่จะตั้งโรงงานผลิตชิปมูลค่า 3.2 พันล้านยูโรในอิตาลี หลังจากเปิดโรงหล่อมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์เมื่อปีที่แล้ว


อ้างอิง : Nikkei https://asia.nikkei.com/Spotlight/ASEAN-Money/Singapore-s-quiet-rise-in-the-global-deep-tech-race





ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Elon Musk ส่งอีเมลถึงราชกาให้เลือกลาออกหรืออยู่ต่อ เหมือนที่เคยทำกับพนักงาน Twitter ปี 2022

เกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในระบบราชการสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่งตั้ง อีลอน มัสก์ ให้เป็นหัวหน้ากระทรวงเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ หรือ DOGE โดยมัสก์และทีมงานได้เดินหน้...

Responsive image

SparkCat คืออะไร ทำงานอย่างไร ? มัลแวร์ตัวแรกบน AppStore ลอบขโมยข้อมูลคริปโตผ่านรูปภาพ

มัลแวร์ SparkCat ถูกพบใน AppStore และ Google Play ใช้เทคโนโลยี OCR ขโมยข้อมูลคริปโตจากรูปภาพในแกลเลอรี ระวังการให้สิทธิ์แอปที่ไม่น่าไว้วางใจ...

Responsive image

นักวิจัยสหรัฐฯ สร้างคู่แข่ง AI จีน DeepSeek ด้วยต้นทุนแค่ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ

นักวิจัยจาก Stanford และ University of Washington สร้างโมเดล AI ด้านการให้เหตุผล s1 คู่แข่ง OpenAI o1 ด้วยต้นทุนต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ โดยใช้เทคนิค Distillation และข้อมูลจาก Gemini 2.0...