ผู้ร่วมลงทุนอื่น ๆ ในรอบนี้ยังรวมถึง Cathay Financial Holdings จากไต้หวัน, Openspace Ventures จากสิงคโปร์ (ก่อนหน้านี้คือ NSI Ventures), Vertex Ventures (อีกหนึ่งแขนลงทุนของ Temasek), AddVentures โดย SCG จากประเทศไทย และ VinaCapital จากเวียดนาม
โดยเงินจะนำไปลงทุนในด้านเทคโนโลยี และด้านการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และด้าน Machine learning นอกจากนี้ยังตั้งเป้าขยายตลาดทำการลงทุนอินโดนีเซียในช่วงไตรมาสที่ 2 และในเวียดนามปลายปีนี้
Validus ยังได้ร่วมกับตระกูล Rachmat เพื่อดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซีย โดยการลงทุนนี้จะดำเนินการผ่านบริษัท PT Triputra Investindo Arya (ซึ่งเป็นบริษัทของตระกูล Rachmat) เนื่องจากตามข้อบังคับของประเทศอินโดนีเซีย ธุรกิจที่ดำเนินโดยบุคคลต่างประเทศ จะต้องมีคนท้องถิ่นถือหุ้นอย่างน้อย 15 เปอร์เซ็นต์
ขณะนี้ Validus ได้ทำการจดทะเบียนกับผู้ให้บริการทางการเงินอย่าง Financial Services Authority (OJK) แล้ว และจะเปิดให้บริการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อีกทั้งวางแผนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีกหนึ่งถึงหนึ่งปีครึ่ง และจะสามารถสมัครขอใบอนุญาต P2P อย่างน้อยหนึ่งปีหลังจากการลงทะเบียน
Validus ได้ดำเนินธุรกิจในสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งตอนนี้สิงคโปร์ยังถือเป็นตลาดหลักอยู่ โดยอ้างว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการผลักดันธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 133.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำการปล่อยธุรกรรมสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคล แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) มากกว่า 2,800 ราย
Ajit Raikar ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Validus Capital กล่าวว่า “ภูมิภาคเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งชัดเจนว่ากำลังมีความต้องการแพลตฟอร์มทางการเงินอย่าง Validus ในการเข้ามาช่วยเสริมด้านระบบการเงิน การธนาคารแบบเดิม"
"การที่เรามีทีมที่แข็งแกร่ง ทั้งทีมเทคโนโลยี และทีมนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล ทำให้เราสามารถร่วมพาร์ทเนอร์กับนักลงทุนระดับโลก เพื่อการเติบโตในขั้นต่อ ๆ ไป นี่ถือเป็นอีกการยืนยัน ว่าเรามีความพร้อมที่จะส่งมอบการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต และความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจด้าน FinTech ในการเป็น 'ธนาคารดิจิทัล' สำหรับผู้ประกอบการ SME"
ซึ่งการลงทุนของ FMO ใน Validus Capital ครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนในด้าน FinTech ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังเป็นการลงทุนโดยตรงในภูมิภาคนี้ครั้งแรก
FMO ธนาคารธนาคารเพื่อการพัฒนาจากเนเธอร์แลนด์ (Dutch development bank) มีพอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 10.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 9.2 พันล้านยูโร ซึ่งกว่า 28 เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนอยู่ในภูมิภาคเอเชีย
โดย FMO กำลังมุ่งเดินหน้าในตลาดประเทศกำลังกำลังพัฒนา ทั้งในภาคการเงิน ภาคพลังงาน และในภาคธุรกิจการเกษตร
ที่มา: DealStreetAsia, TechCrunch
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด