คนบางกลุ่มใน San Francisco คิดว่า A.I. อาจทำลายมนุษยชาติ | Techsauce

คนบางกลุ่มใน San Francisco คิดว่า A.I. อาจทำลายมนุษยชาติ

การเข้ามาของเทคโนโลยี AI ไม่ว่าจะเป็น Chatbot ของ OpenAI หรือ Gennerative AI ที่สามารถสร้างรูปภาพ และ งานศิลปะผ่านข้อความอย่าง Midjourney การเข้ามาที่รวดเร็วของเทคโนโลยี AI ที่อาจเป็นคำถามของมนุษย์ทั่วโลกว่า AI จะมาแย่งงานของมนุษย์หรือไม่ หรือไปจนถึงขั้นยึดครองโลกและทำลายล้างมนุษยชาติเหมือนในนิยาย และ ภาพยนต์ Sci-fi ที่เราเคยดูกัน 

CNBC ได้สัมภาษณ์  Audrey Kim ภัณฑารักษ์และผู้อยู่เบื้องหลัง Misalignment Museum ซึ่งเป็นนิทรรศการใหม่ใน Mission District ของซานฟรานซิสโก นิทรรศการนี้จะจัดแสดงผลงานศิลปะ ซึ่งกล่าวถึงความเป็นไปได้ของ AGI (Artificia General Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป และยังเป็น AI ที่ทรงพลังมากจนสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้เร็วกว่าที่มนุษย์ทำได้ ซึ่งกำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนอาจไร้ขีดจำกัด  

Audrey Kim มีเป้าหมายที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้ผู้คนได้คิดและไตร่ตรองเกี่ยวกับเทคโนโลยี 

“ฉันคิดว่าคำถามเหล่านี้เกิดขึ้นมากมายในวงการวิศวกรรม และฉันจะบอกว่ามันสำคัญมาก นอกจากนี้พวกเขายังไม่สามารถเข้าใจหรือเข้าถึงได้หากไม่มีความรู้ด้านเทคนิค”

Audrey Kim กล่าว


คำว่า AGI มีศัพท์ที่เกี่ยวข้อง เช่น AI safety หรือ Alignment (การจัดตำแหน่ง) และ 

Singularity (เอกพจน์) คำเหล่านี้ล้วนอ้างถึงแนวคิดที่กลายเป็นหัวข้อสนทนายอดนิยม ของนักวิทยาศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์, ศิลปิน, ปัญญาชนหรือแม้แต่บริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุด ในซิลิคอนแวลลีย์ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมีแนวคิดที่ว่ามนุษยชาติจำเป็นต้องหาวิธีจัดการกับ คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังทั้งหมด ที่ขับเคลื่อนโดย AI ก่อนที่มันจะสายเกินไปและเราอาจ สร้างบางอย่างขึ้นมาโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจจะสร้าง 

เมื่อเทคโนโลยี AI กลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยมีบริษัทต่างๆ มองหาตลาดมูลค่าหลักล้านล้านดอลลาร์ ทางพิพิธภัณฑ์ Misalignment จึงเน้นย้ำว่าการพัฒนาของ AI กำลังได้รับผลกระทบจากการถกเถียงกันในเรื่องของวัฒนธรรม  แม้ว่าบริษัทหรือผู้คนในซานฟรานซิสโก ต้องการกำหนดอนาคตของเทคโนโลยี AI แต่วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของซานฟรานซิสโก ก็กำลังสร้างข้อถกเถียงเกี่ยวกับเทคโนโลยีเช่นกัน

ตัวอย่างงานศิลปะในงานนิทรรศการ


ภาพจาก Twitter : Marc Andreessen 


ผลงานแรกในชื่องาน Paperclip Embrace ของ The Pier Group ที่ในภาพจะเป็นประติมากรรม ที่แสดงถึงคนสองคนกอดกัน โดยทั้งหมดใช้คลิปหนีบกระดาษ สร้างงานชิ้นนี้ ซึ่งงานนี้ มีแนวคิดอ้างอิงมาจาก Nick Bostrom Bostrom นักปรัชญาจาก มหาวิทยาลัย Oxford ซึ่งมีแนวคิดเกี่ยวกับ Rationalist (มาจาก Rationalism ที่แปลว่าเหตุผลนิยม คำนี้มีความหมายว่าผู้มีเหตุผล) และ Effective Altruist (การช่วยเหลือผู้อื่นที่มีประสิทธิภาพ) เป็นการถ่ายทอดถึง AI ที่ถูกสร้างมา ให้มีเป้าหมายในการผลิตคลิปหนีบกระดาษให้ได้มากที่สุด แนวคิดหลักๆ คือ  “ในที่สุด เครื่องจักรจะต่อต้านความพยายามทั้งหมดของมนุษย์ที่จะ เปลี่ยนแปลงเป้าหมายนี้ ซึ่งนำไปสู่โลกที่เครื่องจักรเปลี่ยนโลกทั้งหมด รวมถึงมนุษย์ และเพิ่มส่วนหนึ่งของจักรวาล เป็นโรงงานผลิตคลิปหนีบกระดาษและวัสดุต่างๆ”  โดยสรุปคือ AI อาจนำไปสู่ความอันตราย 

ผลงานที่ 2 Church of GPT



ภาพจาก Twitter : Misalignment Museum 


งานชิ้นนี้ถูกสร้างโดย artists affiliated  เป็นแท่นบูชาที่มีเทียนไฟฟ้า 2 เล่มผสานรวมกับคอมพิวเตอร์ ที่ใช้โมเดล GPT3 AI ของ OpenAI และการตรวจจับคำพูดจาก Google Cloud และยังมีเสียงที่สร้างจาก AI เป็นตัวละคร AI ในโลกดิสโทเปียที่มนุษย์ตั้งสิ่งนี้ให้กลายเป็นศาสนาเพื่อบูชา 

ไม่ว่า AI ที่กำลังพัฒนาอยู่นี้ ในอนาคตเราอาจไม่สามารถระบุได้ว่า AI จะทำลายมนุษยชาติ เหมือนที่ผู้คนส่วนใหญ่คิดหรือไม่แต่ที่แน่ๆ เทคโนโลยี AI ก็เข้ามามีบทบาทในแทบทุกสายอาชีพ หรือแม้แต่ชีวิตประจำวันของมนุษย์แล้ว

อ้างอิง

CNBC



ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

10 Tech Event ในเอเชีย ที่สายเทคฯ ธุรกิจ ไม่ควรพลาด ปี 2024

เพราะเทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง องค์กรจึงต้องหมั่นอัปเดตเทรนด์ความรู้ใหม่ ๆ วันนี้ Techsauce คัดสรร 10 งานประชุมเทคโนโลยีระดับเอเชีย ที่สายเทคไม่ควรพลาดในปี 2024 รวมไว้ในบทความเดียวก...

Responsive image

SCBX ไตรมาส 1 ปี 67 กำไร 11,281 ล้านบาท เตรียมลุย 'Virtual Bank' พร้อมก้าวสู่องค์กร AI-First Organization

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2567 จำนวน 11,281 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อน...

Responsive image

เปิดตัว Meta AI ใหม่ ถามได้ทุกเรื่อง สร้างภาพได้ทุกอย่าง ใช้ได้ทุกแอปฯ​ โซเชียลของ Meta

สำหรับ Meta AI เป็นแชทบอทที่เคยเปิดตัวให้เห็นครั้งแรกในงาน Connect 2023 ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) อย่าง Llama 2 แต่ล่าสุดได้มีการอัปเกรดไปใช้โมเดลภาษาใหม่ Llama 3...