ชวนดูนโยบาย ครม. เศรษฐา ทวีสิน ที่จะเตรียมแถลงต่อรัฐสภา ในวันที่ 11 กันยายนนี้ เจาะลึกไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นด้วยดิจิทัลวอลเล็ต การสร้างเศรษฐกิจใหม่ การส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพ บริการภาครัฐด้วยเทคโนโลยี และความยั่งยืน
ตามเอกสารคำแถลงนโยบาย คณะรัฐมนตรีเห็นว่ารัฐบาลมีความจําเป็นที่จะต้องกระตุ้นการใช้จ่าย จุดประกายให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยนโยบาย Digital Wallet จะเป็นตัวจุดชนวนกระตุกเศรษฐกิจประเทศให้ตื่น และเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ ห้เข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่
และจากที่สังคมตั้งคำถามว่าเงินหมื่นจะได้ใช้วันไหน และแจกด้วยวิธีอะไร ล่าสุดรายงานจากประชาชาติธุรกิจเปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าว ที่เป็นคณะทำงานของรัฐบาลด้านเศรษฐกิจ ความว่าเบื้องต้นเงินหมื่นนี้จะเข้าผ่าน ‘แอปเป๋าตัง’ ที่เราคุ้นเคยกันดี
เงินหมื่นนี้จะเข้าแค่งวดเดียวเต็มจำนวน ให้สำหรับผู้อายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน และต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน โดยจะเป็นรูปแบบ e-Money ร้านค้าที่รับเงินไม่สามารถถอนเงินสดออกได้ จำเป็นต้องไปใช้จ่ายต่อ เพื่อให้เงินหมุนในระบบ และสำหรับแหล่งเงินทุนของนโยบายนี้คาดว่าจะเป็นการยืมเงินรัฐวิสาหกิจมาใช้ก่อน
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาให้สัมภาษณ์อีกทาง บอกว่าเพื่อไทยจะใช้บล็อกเชนในการแจกเงิน เท่ากับว่าความชัดเจนในเรื่องนี้ยังต้องรอต่อไปในเรื่องเทคโนโลยีเบื้องหลัง
รัฐบาลจะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ เช่น พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมสีเขียว และอุตสาหกรรมความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในประเทศ
รัฐบาลจะจัดทา Matching Fund ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างรัฐบาลและเอกชน เพื่อลงทุนพัฒนา Start-up ที่มีศักยภาพ ให้เติบโตและแข่งขันได้ในระดับโลก สร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจใหม่ และรัฐบาลจะสนับสนุน ตลาดทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ในระยะสั้น รัฐบาลจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศ โดยวางแผนความต้องการและสนับสนุนการจัดหาแหล่งพลังงานอย่างเหมาะสม ส่งเสริมการผลิต และการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ในตอนท้ายของการแถลงนโยบาย มีการกล่าวถึงเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี เช่น ความปลอดภัยทางถนน การลดอัตราการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร การสร้างการแข่งขันท่ีเป็นธรรม ควบคู่กับการสร้างสันติภาพและการปกป้องสิทธิมนุษยชน
รัฐบาลจะสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality (ความเป็นกลางทางคาร์บอน) ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ
รัฐบาลจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการให้บริการ มาเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความโปร่งใส ขจัดช่องโหว่ ในการทุจริต ลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงการทำงานของภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล
ส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนาท้ังในด้านสังคม ด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (Applied Science) และการวิจัยชั้นแนวหน้า (Frontier Research) เพื่อต่อยอดให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
เข้าถึงบริการการแพทย์ด้วย ‘บัตรประชาชนใบเดียว’ เชื่อมต่อข้อมูลบนฐานข้อมูลที่ปลอดภัย ประชาชนเข้ารับบริการได้ทุกที่ทั่วประเทศ
ถ้อยแถลงลงท้ายด้วยคำสัญญาว่า รัฐบาลจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยข้อมูลท่ีแม่นยำและทันสมัย เป็นรัฐบาลที่จะนาเอาเทคโนโลยีและระบบดิจิทัล รวมท้ังคลื่นความถี่และสิทธิในวงโคจรดาวเทียมมาใช้อย่างเต็มรูปแบบเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน
มีการศึกษาแลกเปลี่ยนข้อมูลและเทคโนโลยีกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก พร้อมให้ความสำคัญ กับการป้องกันภัยคุกคามข้ามชาติและการเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงการให้ความรู้เท่าทันสื่อ และทักษะดิจิทัลแก่ประชาชน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด