นายมาโนช มั่นจิตจันทรา กรรมการและผู้จัดการฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าหมายจะขยายสถานีให้บริการน้ำมันให้ได้ 600 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมีจำนวน 553 สาขาและอีก 2-3 ปีหลังจากนี้มีแผนขยายสาขา 30-40 สถานีต่อปี รวมถึงมุ่งเน้นดำเนินธุรกิจตามแผน 3S ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาสถานีบริการ (Station) การปรับโฉมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสถานีบริการ (Synergy) และการดูแลและเอาใจใส่ลูกค้า (Smile)
พร้อมกันนี้บริษัทยังมีนโยบายที่จะปรับรูปโฉมปั๊มใหม่ ภายใต้กลยุทธ์ Synergy โดยโครงสร้างของสถานีบริการรูปสี่เหลี่ยม หลังคาและเสายังเหมือนเดิม แต่มีการเปลี่ยนแปลงบริเวณแท่นจ่ายน้ำมันโฉมใหม่ ขณะเดียวกันก็เพิ่มบริการ โปรโมชั่น รวมทั้งออกแบบเพิ่มไฟ LED ส่องสว่างเพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัย โดยรวมมีความทันสมัยมากขึ้น
แต่ละสถานีบริการจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 ล้านบาทต่อปั๊ม ซึ่งจะทยอยทำให้ครบ 600 ปั๊ม พร้อมทั้งพัฒนายกระดับมาตรฐานการให้บริการห้องน้ำที่มีความสะอาดในทุก ๆ สถานีบริการ ทั้งนี้ได้วางงบประมาณในการลงทุนทั้งเพื่อพัฒนาขยายปั๊มและยกระดับสถานีบริการไว้ที่เฉลี่ยปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจประเภท Non-Oil จะมุ่งเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจต่าง ๆ เพื่อให้บริการกับลูกค้า โดยเอสโซ่จะไม่ดำเนินการเอง ซึ่งปัจจุบัน ESSO ได้มีพันธมิตรประเภทร้านอาหาร (Quick Serve Restaurant : QSR) ได้แก่ McDonalds, KFC, Burger King; ประเภทร้านสะดวกซื้อหลัก ได้แก่ Tesco Lotus, Mini Big C, Lawson และ 108 Shop; ประเภทธุรกิจร้านกาแฟร่วมกับแบรนด์ Rabika Coffee, Caffe D”Oro และ Coffee Boy
ล่าสุดได้จับมือพันธมิตรใหม่ 4 ราย คือ
ส่วนร้านไทเกอร์มาร์ทซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อเดิมของ ESSO ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษาแนวทางในการปรับปรุงเพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการ โดยยอมรับว่าการทำธุรกิจค้าปลีกไม่ใช่เรื่องง่าย ปัจจุบัน ESSO มีร้านไทเกอร์มาร์ทอยู่ในปั๊ม 50 สาขา
อ้างอิงข้อมูลจาก ประชาชาติธุรกิจ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด