พาชม Startup ในงาน Tech in Asia Singapore 2016 งาน Tech Conference 2 วันเต็ม ที่จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีข้อมูลเกี่ยวกับ Startup ที่น่าสนใจในงาน ดังนี้
ในงานเราได้พบกับบูธ Startup ที่มากันทั้งหมด 200 บูธ พบว่ามีหมวดหมู่ของ Startup และสถิติต่างๆ เป็นดังนี้
โดยมี Startup ไทยมาเข้าร่วมออกบูธ 7 ราย โดยมี 4 ราย ที่มาจากโครงการ dtac accelerate ได้แก่ Skootar, Piggipo (Credit Marvin), Giztix และ TakeMeTour
ความสนใจใน Startup กลุ่ม FinTech เองก็มีมาแรงไม่แพ้บ้านเรา โดยได้มีการแข่งขัน Pitch พิเศษ สำหรับกลุ่ม FinTech โดยเฉพาะ เรียกว่า FinTech Pitch Challenge powered by DBS
ส่วนการแข่งขัน Pitch ใหญ่ของงาน มีชื่อว่า Arena Startup Pitch Battle สำหรับปีนี้คุณภาพของ Startup ที่มาแข่งขันเรียกว่าสูงทีเดียว ตัวอย่าง Startups รายที่น่าสนใจ ได้แก่
ทีมงาน Techsauce ได้มีโอกาสพูดคุยกับ Startup สามราย ได้แก่ Skootar, Credit Marvin และ TakeMeTour พวกเขาได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์ให้เราฟัง ดังนี้
สำหรับ Skootar เองมีคนต่างชาติเข้ามาสอบถามเยอะมากเลยครับ ส่วนใหญ่เข้ามาสอบถาม และให้ความสนใจว่าบริษัท Startup ไทยเป็นอย่างไร Skootar ทำอะไร ถามว่า ต่างอย่างไรกับ คู่แข่ง ซึ่งจริงๆ เรามีจุดต่างเยอะ เพราะเจาะตลาดคนละกลุ่มกับคู่แข่ง เพราะฉะนั้น Product ของเราก็ปรับให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายนั้นที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ที่ถามเยอะเลยคือ จะขยายไปบ้านเขาเมื่อไหร่ ฮ่าๆ ซึ่งเป็นการดีที่เราได้ Validate ไอเดีย เมื่อถึงเวลาที่เราจะขยายครับ
Logistics Startup อื่นๆ ก็แข่งขันกันรุนแรงในหลายๆ ประเทศครับ ทั้งสิงคโปร์ ทั้งอินโดนีเซีย เราได้เจอหลาย Startup ที่มีแนวโน้มขยายมาที่เมืองไทย แล้วก็คุยกันว่าอาจจะมีการ Partnership ขึ้นแน่นอนครับ
ทั้ง 4 บริษัทของโครงการ dtac ที่ไปร่วมงาน Skootar, Credit Mavin, Giztix และ TakeMeTour นั้น เพิ่งปิด Seed round กันไป ในการมาครั้งนี้ มาเพื่อทำความรู้จักนักลงทุนในภูมิภาค เพื่อปูทางในการ Raise Series A ครับ ก่อนไปที่งานทางผมได้มองดูรายชื่อนักลงทุน ที่น่าจะเป็น Strategic Investor ให้กับ Skootar ได้สำหรับ Series A โชคดีที่ 2 ใน 3 ได้เข้ามาพูดคุยสอบถามเอง ก็ได้คุยกัน เสนอผลงานและ Timeline กันไประดับนึงครับ อีกรายนึง ทาง dtac และ ผู้จัดงานได้จัดให้ทางเราเข้าพูดคุยเป็นการส่วนตัว ก็ถือว่าได้ตรงเป้าหมายที่วางไว้
การมางานเปิดโอกาสให้เราได้รู้จักนักลงทุนมากขึ้น ซึ่งมีมาจากทั้งในสิงคโปร์เอง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จริงๆ ต้องบอกเลยว่าแล้วนักลงทุนในต่างประเทศยังรู้จัก Startup ไทยน้อยมาก การได้มาออกบูธก็ทำให้เราได้มีโอกาสพูดคุยและรู้จักกับนายทุนได้ง่ายขึ้น รวมถึงได้รู้จักกับ Startup รายอื่นๆทั้งที่ทำ FinTech รวมถึงแนวอื่น อีกทั้งยังมีโอกาสได้พูดคุยกับคนที่เข้ามาชมงาน ซึ่งก็มีมาจากบริษัทใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Google และ Nielsen ทำให้เราได้เห็น Opportunity ใหม่ๆมากมาย สำหรับ Startup ที่กำลังมองหานายทุนระดับ Series A ขึ้นไป คิดว่าเหมาะมากค่ะ
ของ Credit Marvin เองก็ Feedback ดีนะ มีนายทุนสนใจเยอะ มาเจอนายทุนที่คุยๆ กันไว้อยู่แล้วด้วย เป็นโอกาสได้มารู้จักนายทุนก่อนที่เราจะ Raise Series A นายทุนเขาเห็นเรามาออกบูธงานนี้ ก็ทำให้ดูน่าเชื่อถือ แถมมากับ dtac ช่วยทำให้เขารู้สึกมั่นใจและอยากลงทุน
เห็นว่า TakeMeTour ปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่ได้มาเข้าร่วม แชร์ประสบการณ์ให้เราฟังหน่อยได้ไหมคะ
ใช่ครับ เคยไปงาน Tech In Asia Singapore 2015 มาเมื่อปีที่แล้วด้วย เลยพอรู้ทางในเบื้องต้นว่า งานจะออกมาลักษณะไหน รวมๆ งานครั้งนี้ดีกว่าปีก่อนหน่อย งานใหญ่ขึ้น พื้นที่กว้างขึ้น มี Startup มาตั้งบูธโชว์เยอะและแน่นมากจริงๆ ทีนี้คราวนี้โชคดีได้ไปกับทาง dtac Accelerate ก็เลยได้ออกบูธด้วย ถ้าเราเป็น Startup ไปเองก็จะเสียเงินแพง ยิ่งถ้าไปตั้งบูธด้วยก็ยิ่งแพงเป็นราคาหลักหมื่น
พอมีประสบการณ์ครั้งก่อนหรือจากหลายๆ งานก็เลยเรียนรู้ว่า ต้องกำหนด Objective ให้ชัดก่อนเดินทางไป อย่างคราวก่อนเราก็ตั้งใจว่าจะไปหา Investor เพราะคิดว่า การได้ออกงานแบบนี้แหละคือจะได้นักลงทุน ซึ่งมันก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะมันขึ้นอยู่กับ Stage ของธุรกิจเราซะมากกว่า คิดว่าสมัยก่อน Startup มีน้อย นักลงทุนมีเยอะ การได้ไปงานแบบนี้ ก็น่าจะได้นักลงทุนไม่ยาก แต่เดี๋ยวนี้ Startup เยอะแยะไปหมด นักลงทุนก็มาช้อปปิ้งกันสบายๆ เลยกลายเป็นงานแลกนามบัตรกันไป แล้วค่อยไปว่ากันที่ตัวเลขอีกที แล้วยิ่งพอมี Startup เยอะๆ นักลงทุนก็จำเราไม่ได้หรอก ถ้า Product ไม่โดดเด่นหรือ Traction ไม่ได้เจ๋งจริงๆ
เป้าหมายของคราวนี้คืออะไรคะ
ตั้งเป้าคือ ไปหา Partner ทางธุรกิจ กับไปหา Feedback ต่อ Product ของเรา เนื่องจาก TakemeTour มีขาหนึ่งคือต้องทำตลาดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ งานนี้เราเตรียม dtac tourist sim ไปแจกคนที่มาชมบูธด้วย
ได้พบใครบ้างระหว่างออกบูธ
คนที่เข้ามาก็จะมีหลากหลายตั้งแต่
ซึ่งทั้งหมดนี้เราก็จะให้เขาลองเล่นเว็บ แล้วก็สังเกตพฤติกรรมการใช้เว็บไซต์ เพื่อเอามาปรับปรุง รวมถึงถามความคิดเห็นต่างๆเกี่ยวกับบริการของเรา ก็จะเจอคำถามที่คนมักจะถาม เราก็เอามาเพิ่มการนำเสนอในเว็บไซต์ได้
Travel Tech รายอื่นๆ เป็นอย่างไรบ้าง
ผมเองก็มีช่วงที่เดินไปชมงานรอบๆ ครั้งนี้มี Travel Tech ไม่เยอะมาก และส่วนใหญ่เป็น B2B เราก็จะเข้าไปคุยกับคนที่มี Product น่าสนใจ ถามมุมมอง หรือพูดคุยกันในมุมของการเป็น Partnership
และนี่คือเรื่องราวของ Startup ในงาน Tech in Asia Singapore 2016 หากมีโอกาส Techsauce จะนำเสนอประสบการณ์ในงานต่างประเทศให้ผู้อ่านอีกครั้ง และอย่าลืมติดตาม International Tech Conference ใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง Techsauce Summit ด้วยนะคะ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด