CREA สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหาร Lazada ระดมทุน 25 ล้านเหรียญจาก SuperOrdinary | Techsauce

CREA สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหาร Lazada ระดมทุน 25 ล้านเหรียญจาก SuperOrdinary

CREA สตาร์ทอัพด้านอีคอมเมิร์ซสำหรับแบรนด์ครอบคลุมตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ก่อตั้งในประเทศไทยโดย Alessandro Piscini และ Aimone Ripa di Meana อดีตผู้บริหาร lazada ได้รับเงินระดมทุน 25 ล้านเหรียญจาก SuperOrdinary แบรนด์ความงามระดับโลก โดยการเป็นหุ้นส่วนด้านกลยุทธ์ครั้งนี้จะช่วยให้ SuperOrdinary สามารถเข้าถึงยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสามารถให้โซลูชันแก่พาร์ทเนอร์ลูกค้าเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทั่วทั้งสหรัฐฯ จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Julain Reis ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง SuperOrdinary กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรร่วมกับ CREA ในการเสนอรายการแบรนด์สินค้าความงามที่ให้ราคาที่คุ้มค่าและมอบโซลูชันครบวงจรแก่หนึ่งในตลาดผู้บริโภคแบรนด์ความงามและการดูแลตัวเองที่เติบโตเร็วที่สุด การค้า E-Commerce ในรูปแบบดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเติบโตอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และทีมงานของ CREA ก็ได้มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มรายการแบรนด์ไลฟ์สไตล์กว่า 70 แบรนด์เพื่อใช้ประโยชน์จากเทรนด์ที่เกิดขึ้น”

SuperOrdinary เรียกได้ว่าเป็นผู้นำพาร์ทเนอร์แบรนด์ความงามระดับโลก มีส่วนช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ ได้มีพื้นที่ให้เติบโตและสามารถขยายบริการต่าง ๆ ให้รองรับกับความต้องการทั่วโลก โดย SuperOrdinary จะดูแลในส่วนของการกระจายสินค้า การสร้างแบรนด์ การตลาด การวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค การลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย 

ในส่วนของ CREA เป็นผู้นำด้านตลาด Omni-channel ดูแลแบรนด์ที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีบริการที่ใกล้เคียงกันก็คือ ใช้ Omnichannel Technology Platform เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพสินค้าคงคลัง รวมไปถึงเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคต่อแบรนด์ 

ด้าน Aimone Ripa di Meana ผู้ร่วมก่อตั้ง CREA กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นพื้นที่ที่ให้โอกาสอย่างดีสำหรับแบรนด์ระดับโลก ด้วยผู้บริโภควัยหนุ่มสาวที่เติบโตมากับเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งพร้อมจะเพิ่มกำลังจ่ายและมีส่วนร่วมกับเทรนด์ระดับโลกผ่านโซเชียลมีเดีย การรุกตลาดดังกล่าวด้วยวิถีดิจิทัลจึงเป็นแก่นหลักและกลายเป็นจุดยืนของ CREA ที่จะขนทัพแบรนด์เข้าตลาดด้วยกลยุทธ์รูปแบบ Omni-channel”

ทั้งนี้ การเข้าถือหุ้นเป็นส่วนน้อยของ SuperOrdinary จะช่วยสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระหว่าง SuperOrdinary และ CREA ได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่งจะพัฒนาแพลตฟอร์มระดับโลกข้ามพรมแดน และช่วยให้พอร์ตโฟลิโอแบรนด์ของแต่ละบริษัทเข้าขยายสู่ตลาดใหม่ได้อย่างราบรื่น ด้วยการขยายธุรกิจที่เกิดขึ้นด้วยกำลังของบริษัทเอง (Organic Expansion) และรายได้เสริมจากการเป็นหุ้นส่วน คาดการณ์ว่าจากการร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ CREA เติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องเป็น 3 เท่าในปี 2022 และเติบโตอีก 500% ในปี 2023

ในปีที่ผ่านมากลุ่มผลิตภัณฑ์แบรนด์ชั้นนำของ CREA รวมไปถึง Lancôme, Kiehl's, The Body Shop และ Clarins เติบโตกว่า 400% แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการเติบโตของแพลตฟอร์ม เช่นเดียวกันนี้ รายได้ของ SuperOrdinary ก็เติบโตสูงขึ้น 2 เท่า จากการเพิ่มจำนวนแบรนด์ในแพลตฟอร์มอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่มาจากบริษัทผลิตภัณฑ์ความงามชื่อดัง อาทิ Drunk Elephant, The Ordinary, Supergoop! ฯลฯ 

อ้างอิง: Yahoo Finance


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

GAC บุกตลาดหุ่นยนต์ เปิดตัว GoMate หุ่นสี่ล้อสองขาสูงเท่าคน เตรียมใช้ในโรงงานผลิตรถยนต์

GAC Group แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ได้เปิดตัวหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์หรือ Humanoid ในชื่อ GoMate เพื่อตอบรับเทรนด์การใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานในอนาคต...

Responsive image

หมดยุครถน้ำมัน? จีนจ่อทุบสถิติ ยอดขาย EV แซงหน้ารถสันดาปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

แม้จีนจะขึ้นชื่อด้านรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยอดขายในประเทศยังถือว่าตามหลังรถสันดาป (ICE) แต่ในปี 2025 ที่กำลังจะถึงนี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนอาจแซงรถยนต์สันดาปเป็นครั้งแรก นับเป็นจุดเปลี่ยน...

Responsive image

อดีตซีอีโอ Nissan เตือน การควบรวมกิจการกับ Honda อาจทำให้เจอ 'ปัญหา' การลดต้นทุนครั้งใหญ่

Carlos Ghosn อดีตซีอีโอของ Nissan ออกมาเตือนว่า บริษัทอาจต้องเผชิญกับ "หายนะ" จากการลดต้นทุนครั้งใหญ่ หากตัดสินใจควบรวมกิจการกับ Honda โดยเขาให้เหตุผลว่า ทั้งสองบริษัทมีความซ้ำซ้อน...