เทมู (Temu) บริษัทค้าปลีกอีคอมเมิร์ซจากจีน ที่ได้รับความนิยมในสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจทำการ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการจัดส่งสินค้าของตน โดยการ บล็อกการสั่งซื้อสินค้าที่จัดส่งจากจีน บนเว็บไซต์ของตนในสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดความสับสนในหมู่ผู้ใช้และผู้ขาย ก่อนที่กฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2025

De Minimis คือ ข้อกำหนดทางศุลกากรที่อนุญาตให้สินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด สามารถนำเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรหรือผ่านกระบวนการศุลกากรที่ซับซ้อน เช่น มีการกำหนด De Minimis อยู่ที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่านี้จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า ข้อกำหนดนี้ช่วยลดต้นทุนในการนำเข้าสินค้า และทำให้กระบวนการศุลกากรเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งผู้บริหาร (Executive Order) เพื่อยกเลิกมาตรการ “De Minimis” ซึ่งเป็นการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่นำเข้าจากจีนและฮ่องกง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2025 ทรัมป์ได้ออกคำสั่งผู้บริหารอีกฉบับเพื่อระงับการยกเลิกดังกล่าวชั่วคราว แต่ภายใต้คำสั่งนี้ ภาษีเพิ่มเติม 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนยังคงมีผลบังคับใช้ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลายประเภท โดยเฉพาะผู้ค้าปลีกออนไลน์และผู้ให้บริการขนส่งสินค้า
ภายใต้ข้อยกเว้นที่เรียกว่า “De Minimis” ลูกค้าในสหรัฐฯ สามารถนำเข้าสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่ง Temu, Shein และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีนจำนวนมากอาศัยช่องว่างนี้เพื่อขายสินค้าราคาถูกให้ผู้บริโภคในอเมริกา
แต่คำสั่งบริหารล่าสุดจากทรัมป์ ได้ระบุให้ ยกเลิกข้อยกเว้น De Minimis สำหรับสินค้าที่มาจากจีนโดยเฉพาะ มีผลตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2025 ซึ่งจะทำให้สินค้าเกือบทั้งหมดจากจีนต้องเสียภาษีนำเข้า ส่งผลต่อราคาและความเร็วในการจัดส่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Temu ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า บริษัทได้ “เปลี่ยนระบบการดำเนินงานในสหรัฐฯ สู่โมเดล fulfillment ภายในประเทศ” โดยคำสั่งซื้อทั้งหมดจะจัดส่งจากภายในสหรัฐฯ และดำเนินการโดยผู้ขายท้องถิ่น ซึ่งหมายความว่าผู้บริโภคจะไม่สามารถเลือกซื้อสินค้าที่จัดส่งจากจีนได้อีกต่อไป
แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจ Temu ย้ำว่าราคาสินค้าสำหรับลูกค้าในสหรัฐฯ จะ “ยังไม่เปลี่ยนแปลง”
ก่อนหน้านี้ Temu เริ่มปรับราคาสินค้าที่จัดส่งจากจีนตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน และยังเพิ่มค่า “import charge” แยกต่างหากในหน้าเช็คเอาท์ เพื่อสะท้อนผลกระทบจากภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน กลยุทธ์ที่ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงจากทรัมป์
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้ลูกค้าและผู้ขายในอเมริกาจำนวนมากสับสนและแสดงความไม่พอใจ เช่น ผู้ใช้ใน Reddit ที่บอกว่า “หาอุปกรณ์ธุรกิจที่เคยสั่งเป็นประจำไม่เจอเลย” หรืออีกคนที่แชร์แชตกับฝ่ายบริการลูกค้าของ Temu ว่าทางบริษัท “ไม่สามารถแสดงสินค้าที่อยู่นอกสหรัฐฯ ได้ในขณะนี้” และไม่สามารถระบุได้ว่าจะเปิดให้ดูอีกเมื่อไร
ในฝั่งผู้ขายจีน หลายรายระบุผ่านแพลตฟอร์ม Xiaohongshu ว่า Temu ถอดสินค้าที่จัดส่งจากจีนออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้า สร้างความโกลาหลในกลุ่มซัพพลายเออร์ บางรายเข้าใจผิดว่าโดนลบจากระบบอีกครั้ง หลังจากเคยถูกถอดออกไปก่อนหน้าแล้วกลับเข้ามาใหม่
เพื่อลดแรงกระแทกจากการเปลี่ยนแปลง Temu เริ่มทดลองระบบโลจิสติกส์แบบใหม่ชื่อว่า “Y2” ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน โดยเป็นรูปแบบที่ให้ผู้ขายในจีน จัดส่งสินค้ารายชิ้น แทนที่จะส่งสินค้าเข้าคลังในสหรัฐฯ แบบ bulk แล้ว Temu เป็นผู้ดูแลภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
ในโมเดล Y2 นี้ ผู้ขายต้องเป็นฝ่ายจัดการเรื่องภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน พิธีการศุลกากร และความเสี่ยงอื่น ๆ เอง ซึ่งคล้ายกับระบบ “Fulfillment by Merchant (FBM)” ของ Amazon ผู้ค้าบางราย โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ ยังลังเลที่จะเข้าร่วมโมเดลนี้เพราะไม่สามารถปรับตัวได้ทันที
การยกเลิกข้อกำหนด De Minimis ซึ่งเคยอนุญาตให้สินค้ามูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ นำเข้าจากจีนโดยไม่ต้องเสียภาษี ทำให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Temu และ Shein ต้องเผชิญกับผลกระทบใหญ่หลวงในปี 2025 ดังนี้:
แม้จะเผชิญแรงกดดันในสหรัฐฯ Temu ยังคงขยายตลาดในยุโรปที่มีภาษีนำเข้าน้อยกว่า โดยผู้ขายจีนบางรายระบุว่ายอดขายรวมของตนยังเติบโตได้ เพราะมาจากประเทศอื่นนอกเหนือจากอเมริกา
นักวิเคราะห์เตือนว่า หาก Temu สูญเสียการควบคุมซัพพลายเชน อาจทำให้แพลตฟอร์มนี้เสียเปรียบในการแข่งขัน เพราะจุดแข็งที่เคยมีเหนือ Wish หรือ AliExpress คือ การควบคุมคุณภาพและความเร็วในการจัดส่งอย่างใกล้ชิด
มาตรการภาษีของสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนโฉมตลาดอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน Temu ในฐานะแพลตฟอร์มที่เติบโตอย่างรวดเร็วในอเมริกา ต้องเร่งปรับตัวด้วยโมเดลโลจิสติกส์ใหม่ ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาความได้เปรียบด้านราคาและคุณภาพ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด