ตามรายงานของบริษัทวิจัยการตลาด Counterpoint ระบุว่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีการเติบโตอย่างเป็นปรากฎการณ์ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ยอดการจัดส่งรถโตขึ้น 79% เมื่อเทียบรายปีกับช่วงไตรมาสแรกระหว่างปี 2021 และปี 2022 ทำให้ยอดการจัดส่งรถแตะที่ 1.95 ล้านคัน ซึ่ง Tesla ยังคงเป็นอันดับ 1 ในการผลิตรถ BEV หรือ รถยนต์พลังไฟฟ้าล้วน

Soumen Mandal นักวิเคราะห์อาวุโสของ Counterpoint กล่าวในการวิจัยว่า "ถึงแม้ผลกระทบจากการสงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหา Supply chain จะทำให้ตอนนี้รถ EV มีสัดส่วนการใช้งานเพียง 12% ของรถบนท้องถนนทั้งหมดในช่วงไตรมาสแรกปี 2022 ก็ตาม แต่รถ EV ก็ยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวอีกมาก และมีผู้เล่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเพื่อรับประโยชน์จากโอกาสนี้" 

"ขณะเดียวกัน ผู้ผลิต EV เจ้าตลาดมักจะตอบโต้ผู้เล่นรายใหม่ โดยใช้จุดขาย คือการใส่เทคโนโลยีแบตฯ ที่ทันสมัย, ระบบ IVI (In-Vehicle Infotainment) ที่เหนือกว่า และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS (Advanced Driver – Assistance Systems) ที่สูงขึ้น"

Tesla ยังคงเป็น “เบอร์ 1” ที่กำลังถูก BYD ตีตื้น

ปัจจุบัน Tesla ยังคงเป็นผู้นำตลาด EV อันดับ 1 ของโลกในสายการผลิตรถ BEV ทั้งหมด และยอดการส่งมอบรถของบริษัทเติบโตขึ้น 68% เมื่อเทียบปีต่อปี ในไตรมาสแรก และคาดว่าจะเกิน 1.3 ล้านคันภายในสิ้นปี 2022  
 
โดยก่อนหน้านี้จะมีรายงานว่า BYD จากประเทศจีนแซงหน้าขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของค่ายรถยนต์ไฟฟ้า แต่อันที่จริงแล้วประเทศจีน นับรวมรถแบบ PHEV (Plug-in hybrid) หรือที่เรียกกันว่า "รถไฮบริด" และรถแบบ BEV หรือ รถยนต์แบบใช้แบตเตอรี่  ว่าเป็น “ยานยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle – NEV)” แต่ถ้านับตามจริงแล้ว รถ BEV เท่านั้น ที่เป็น “รถยนต์พลังไฟฟ้าล้วน” 

ซึ่งตรงจุดนี้ BYD ทำยอด รถยนต์พลังไฟฟ้าล้วน ได้ 323,519 คัน ในขณะที่ Tesla ทำยอดได้ 564,743 คัน เท่ากับว่า Tesla ยังคงเป็นเบอร์ 1 ของค่ายผู้ผลิตรถ EV แบบพลังไฟฟ้าล้วน เมื่อคิดจากยอด

แต่อย่างไรก็ตาม BYD Auto กลายเป็นผู้ขาย EV อันดับต้น ๆ ที่น่าจับตามองของจีนในช่วงที่ผ่านมา และยังขึ้นเป็นผู้นำในการผลิตแบตฯ รถ EV เป็นอันดับ 2 ของโลกอีกด้วย

ทั้งนี้ เมื่อคิดแยกตามประเทศแล้ว จีนยังคงเป็นผู้นำตลาดในการส่งมอบรถ EV ตามมาด้วยยุโรปและสหรัฐอเมริกา การผลิต EV ของจีนเพิ่มขึ้น 126% เมื่อเทียบปีต่อปี จากเดิมมีจำนวนการจัดส่งมอบรถ 5 แสนคัน ในไตรมาสแรกของปี 2021 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.14 ล้านคัน ในไตรมาสแรกของปี 2022

อ้างอิงจาก Nikkei Asia, Business-standard, Counterpointresearch