ตลอดปีที่ผ่านมานี้ รายได้สุทธิของ Tesla ที่มีมูลค่ากว่า 2.51 พันล้านดอลลาร์ ลดลงกว่า 24% ขณะที่กำไรตามมาตราฐาน GAAP อยู่ที่ 73 เซ็นท์ ลดลงกว่า 23% ในไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
Tesla ระบุในรายงานผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับ การใช้โรงงานใหม่ที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้กำไรต่อหน่วยลดลง เป็นผลมาจากปัญหาของต้นทุนวัตถุดิบ สินค้าโภคภัณฑ์ ต้นทุนการขนส่ง และ การรับประกันสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น แต่รายได้จาก Environmental Credits กลับลดลง
ในการประชุมเกี่ยวกับผลกำไรของบริษัท Elon Musk เน้นในเรื่องของสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ที่ไม่มีความแน่นอน การที่ธนาคารเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนั่นเท่ากับการที่ราคารถยนตร์เพิ่มสูงขึ้นตาม ทำให้ผู้คนที่ต้องการจะซื้อรถต้องเลื่อนแผนการซื้อรถออกไป เพราะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ
ขณะที่รายได้จากธุรกิจยานยนตร์ถือได้ว่าเป็นรายได้หลักของ Tesla มีรายได้อยู่ที่ 19.96 พันล้านดอลลาร์ ส่วนในไตรมาสนี้ ถือว่าเพิ่มขึ้นกว่า 18% จากปีที่แล้ว
ทั้งนี้รายได้โดยรวมของ Tesla เพิ่มขึ้น 24% ซึ่งได้มาจากเครดิตกฎหมายยานยนตร์ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2023 มียอดรวมที่ 521 ล้านดอลลาร์ ลดลงจาก 679 ล้านดอลลาร์ของปีที่แล้ว
ส่วนรายได้จาก Tesla Energy เติบโตมากถึง 1.53 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 148% ในปีที่ผ่านมา การติดตั้งระบบจัดเก็บพลังงานของ Tesla โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพิ่มขึ้นเป็น 3.9 กิกะวัตต์ชั่วโมง คิดเป็นเปอร์เซนต์คือเพิ่มขึ้น 360% ตามที่ Tesla ระบุไว้
ระบบจัดเก็บพลังงานนี้รวมถึงระบบจัดเก็บพลังงานสำหรับบ้านที่เรียกว่า Powerwall กับระบบ Megapack สำหรับการใช้พลังงานขนาดใหญ่ที่ช่วยให้บริษัทผลิตพลังงานจากแหล่งพลังงานสะอาดในแบบ intermittent เช่นพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมเก็บไว้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันTesla มีการขายรถยนตร์ EV ไปทั้งหมด 4 รุ่น มีโรงงานผลิตทีสหรัฐอเมริกา 2 แห่ง ที่เซี่ยงไฮ้ 1 แห่ง และ นอกเมืองเบอร์ลินที่ประเทศเยอรมนีอีก 1 แห่ง ในขณะเดียวกัน Tesla ก็กำลังวางแผน ที่จะขยายธุรกิจและเพิ่มการลงทุนอย่างมหาศาลในอนาคต
ขณะที่ก่อนหน้านี้ Elon Musk ประกาศจะสร้างโรงงานเพิ่มที่ประเทศเม็กซิโกและไม่นานมานี้ ก็ประกาศว่าจะเพิ่มโรงงานผลิต Megapack ระบบเก็บเครื่องจักรไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้แบตเตอรี่ ลิเธียมไอออนที่เซี่ยงไฮ้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 7-9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในช่วงปี 2024-2025
รวมทั้งภายในปีนี้ Tesla คาดว่าจะสามารถผลิตยานยนตร์ได้มากถึง 1.8 ล้านคันและต้องผลิตให้มากกว่าตัวเลข ที่คาดการณ์ไว้
และในช่วงไตรมาสแรกของปี Tesla ได้ส่งมอบรถยนตร์ให้กับลูกค้าถึง 422,875 คัน ซึ่งเป็นประมาณการขาย ล่าสุดที่บริษัทเปิดเผย และมีการผลิตรถยนต์จำนวน 440,808 คัน สำหรับรถ Cybertruck ในรุ่นอัลฟ่า คาดว่าจะส่งมอบภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เช่นกัน
พร้อมทั้งคาดว่าหุ้นของ Tesla จึงฟื้นกลับขึ้นมาถึง 48% ในปีนี้หลังจากปีที่แล้วลดลงไปกว่าสองในสามจากมูลค่าเดิม ของบริษัท
ที่มา : CNBC
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด