เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แถลงข่าวเรื่องที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่..) พ.ศ. .... เพื่อจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อววน.) โดยได้เล่าถึงสาระสำคัญของการจัดตั้งกระทรวงใหม่ผ่าน Facebook Page ส่วนตัว ดังนี้
เรื่องแรกที่ชี้แจง คือ การจัดตั้งกระทรวงใหม่นี้ไม่ใช่เพียงการควบรวมกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ เข้าด้วยกัน แต่เป็นการปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่เพื่อตอบโจทย์ที่สำคัญในศตวรรษที่ 21 คือ การขับเคลื่อนประเทศผ่านการสร้างเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมและการเตรียมคนไทยเพื่อรองรับโจทย์ในศตวรรษที่ 21 โดยจะมีการปฏิรูประบบราชการใน 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่
เรื่องที่สองที่ชี้แจง คือ การจัดตั้งกระทรวงใหม่ จะประกอบไปด้วยร่าง พ.ร.บ. สำคัญ 4 ฉบับ
ร่าง พ.ร.บ. ฉบับแรก คือ ร่าง พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ซึ่งผ่านความเห็นชอบของ ครม. เมื่อวานนี้ สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ จะเป็นการกำหนดให้มีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อววน.) โดยรวมเอาหน่วยงานในกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เข้ามาอยู่ในกระทรวงใหม่ เพื่อให้การทำงานในด้านวิจัย การสร้างคน และการให้ทุนสนับสนุนเป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพ
ร่าง พ.ร.บ. ฉบับที่สอง คือ ร่าง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกระทรวงฯ เป็นร่าง พ.ร.บ. ที่ระบุถึงโครงสร้างการทำงานของกระทรวง โดยจะมีการจัดตั้ง Super Board ที่เรียกว่า “คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (กชอว.) ขึ้น เพื่อกำหนดทิศทาง นโยบาย และการจัดสรรทรัพยากรเพื่อการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมของประเทศระดับสูงสุด และติดตามประเมินผลการทำงาน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมเป็นรองประธาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่เกี่ยวข้องและผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้และประสบการณ์สูง ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เป็นกรรมการ
นอกจากนั้น ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ยังจะกำหนดโครงสร้างการทำงานภายในกระทรวง ซึ่ง รัฐบาลจะตั้งคณะทำงานร่างพิมพ์เขียวเพื่อการเปลี่ยนแปลง หรือที่เรียกว่า Blueprint for Change เพื่อออกแบบโครงสร้างดังกล่าว เบื้องต้น โครงสร้างกระทรวงแบ่งเป็นกลุ่มภารกิจหลัก 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีคณะกรรมการกำกับดูแล ดังนี้
เรื่องสุดท้ายที่ชี้แจง คือ ภายใต้กระทรวงใหม่จะมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมี Super Board กำกับดูแลนโยบายและการจัดสรรเงินกองทุน โดยกองทุนนี้จะทำให้สามารถขับเคลื่อนงานวิจัยที่เป็นยุทธศาสตร์หลักของประเทศที่มีการกำหนดหัวข้อเฉพาะและมอบให้มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และภาคเอกชน หรือภาคประชาสังคม รวมตัวกันมาเป็นกลุ่มเพื่อรับโจทย์และงบประมาณไปทำวิจัย ในลักษณะของการจัดซื้อจัดจ้างการวิจัย (Research Procurement) ได้ด้วย ซึ่งในเบื้องต้น กองทุนที่จะจัดตั้งขึ้นนี้ จะสนับสนุนงานอย่างน้อยใน 5 มิติหลัก ได้แก่
"ผมเชื่อมั่นครับว่าการจัดตั้งกระทรวงใหม่ในครั้งนี้นับเป็นการปฏิรูปการบริหารงานภาครัฐครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม โดยจะทำให้งานด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมสร้างผลกระทบในทางบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านการแก้ปัญหาความยากจนในระดับพื้นที่ ช่วยเกษตรกรรายย่อย วิสาหกิจชุมชน และ SME ให้ประกอบกิจการที่สามารถแข่งขันได้ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทไทยในตลาดโลก สร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ประกอบธุรกิจนวัตกรรม เกิดเป็น Startups ที่สามารถเติบโตต่อไปได้" ดร.สุวิทย์ กล่าวปิดท้าย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด